×

Xiaomi เปิดตัว ‘Redmi Note 13 Series’ เจาะตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางที่จะใช้งานได้อย่างน้อย 5 ปี

18.01.2024
  • LOADING...

ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกแสดงข้อบ่งชี้เบื้องต้นของการฟื้นตัวเล็กน้อยในปี 2567 การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกซึ่งลดลง 12% ต่อปีในปี 2565 คาดว่าจะลดลง 5% ในปี 2566 ก่อนที่จะกลับมาเติบโตที่ 4% ในปี 2567 ตามการคาดการณ์ใหม่จากนักวิจัย Canalys

 

การฟื้นตัวนี้ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ การฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ตลอดจนราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ GfK ประเมินว่า ขณะนี้ผู้บริโภคกำลังจัดลำดับความสำคัญในการซื้อ โดยเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงกว่าซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และเปลี่ยนเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น

 

รายงานของเว็บไซต์ The National News เผยว่า อุปกรณ์ Android มีแนวโน้มที่จะเติบโต โดยเป็นเพราะมาจากแบรนด์ที่มีราคาย่อมเยามากกว่า ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ตลาด Android มีมากกว่า iOS ของ Apple ซึ่งเน้นไปที่การเจาะตลาดระดับไฮเอนด์

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ทิศทางพฤติกรรมของผู้บริโภคดังกล่าวทำให้การเปิดตัวสมาร์ทโฟน ‘Redmi Note 13 Series’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Xiaomi รวมถึงการเปิดตัวในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกย้ำเรื่องนี้อย่างชัดเจน

 

เมื่อถูกถามว่า Xiaomi ประกาศในปีที่แล้วว่ากลยุทธ์ของอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงสมาร์ทโฟน จะมีการทำให้ Security & Software Update สามารถใช้งานได้อย่างน้อยอีก 5 ปีนั้น 

 

Alex Tang ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Xiaomi International ได้ระบุว่า Xiaomi ให้ความสำคัญกับคุณภาพซอฟต์แวร์ และประสบการณ์การใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อ 3 ปีก่อนทางผู้บริหารเราได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินลงทุนจำนวน 100,000 ล้านหยวนในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการพัฒนาเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น

 

“Customer Experience เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากๆ โดยการใช้จ่ายลงทุนแทบทั้งหมดจะไปอยู่กับการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า”

 

สำหรับ ‘Redmi Note 13 Series’ เป็นการเปิดตัวที่ตั้งใจบุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง โดยมาพร้อมกับจุดเด่น เช่น กล้องหลักความละเอียดสูงสุด 200MP ที่มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง 120Hz AMOLED ความละเอียด 1.5K

 

ครั้งนี้ยังได้มีการทุ่มทุนเพื่อดึง ‘แบมแบม กันต์พิมุกต์’ มาเป็นแอมบาสเดอร์คนแรกของ Xiaomi International ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

“เรามองว่าแบมแบมจะช่วยส่งเสริมด้านการสื่อสาร และสะท้อนภาพลักษณ์ รวมทั้งคอนเซปต์ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งยังจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วโลกได้ เพราะแบมแบมเป็นตัวอย่างของคนที่มีทั้งความสามารถและความพยายามในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ และเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด”

 

ตัว Redmi Note 13 Series จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Redmi Note 13 Pro+ 5G, Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 ในราคา 6,999 บาท ไปจนถึง 15,990 บาท และยังมีการเปิดตัว Redmi Watch 4 นาฬิกาอัจฉริยะในราคา 3,690 บาท กับ Redmi Buds 5 Pro ราคา 2,690 บาทอีกด้วย

 

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ มีการประเมินว่าจะมีสมาร์ทโฟนที่ขับเคลื่อนด้วย AI จำนวนมากไหลเข้ามาในปี 2567 ภายในปี 2570 ส่วนแบ่งของสมาร์ทโฟน Generative AI ในอุตสาหกรรมทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึง 40% และมียอดจัดส่งทะลุ 522 ล้านเครื่อง 

 

ต่อประเด็นนี้นั้น Alex ได้ย้ำว่า Xiaomi มีกลยุทธ์ใหม่เรียกว่า Smartphone x AOT ที่ประกาศออกมาเมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญทั้งคน รถยนต์ และบ้าน

 

“นี่เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้บริการของเราครอบคลุมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกรูปแบบที่มี AI เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เรายังอาจจะไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ แต่ในอนาคตเรามีแผนที่จะแชร์รายละเอียดให้มากขึ้น”

 

ย้อนกลับไป Xiaomi ได้สร้างความฮือฮามาแล้วหลังประกาศจะทำรถยนต์ไฟฟ้าออกจำหน่ายเมื่อปี 2564 โดยมีการตั้งบริษัทและดูจริงจังกับโปรเจกต์นี้อย่างยิ่ง จนกระทั่งปลายปี 2566 Xiaomi เซอร์ไพรส์โลกนี้อีกครั้งด้วยการเผยโฉม Xiaomi SU7 แม้จะเป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นและยังไม่ประกาศราคา แต่ก็เพียงพอที่จะเขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าได้มิใช่น้อย

 

“เราเริ่มรุกตลาด EV ในจีนมาแล้วกว่า 2 ปี ซึ่งหลังจากนั้นในอนาคตเราก็มีแผนจะขยายสู่ตลาดต่างประเทศต่อ เพราะเราต้องการเป็นแบรนด์ระดับโลกในด้านนี้” Alex ตอบคำถามต่อหน้าผู้สื่อข่าวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อถูกถามเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า

 

อย่างไรก็ตาม Alex ได้ทิ้งท้ายว่า Xiaomi มองว่าพันธกิจของเราคือการให้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับลูกค้า ยิ่งมากยิ่งดี ดังนั้นเราจึงมีสินค้าที่หลากหลายและมีคุณภาพเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงเราได้มากขึ้น และเรามั่นใจว่าในปี 2567 Xiaomi จะสามารถเพิ่ม Market Share ได้

 

คำพูดนี้น่าสนใจไม่น้อย เมื่อมองจากรายงานล่าสุดของ IDC ที่ระบุว่า Xiaomi มีส่วนแบ่งเป็นเบอร์ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนโลกด้วยสัดส่วน 12.5% ซึ่งแม้จะยังห่างจากเบอร์ 2 อย่าง Samsung ที่มีตัวเลข 19.4% การประกาศทิศทางที่ชัดเจนของ Xiaomi ก็น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้หายใจรดต้นคอได้

 

ส่วนหนึ่งมาจากคำพูดของ Nabila Popal ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ IDC ที่ระบุว่า ได้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งจากผู้เล่นในกลุ่ม Android อย่าง Xiaomi ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising