รัฐบาลจีนภายใต้การนำของ ‘สีจิ้นผิง’ ประกาศมาตรการชุดใหญ่เพื่อกอบกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังซบเซาและกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือการจัดสรรเงินทุนมหาศาลถึง 3 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.54 แสนล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการระบายสต็อกบ้านที่ขายไม่ออก รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่มุ่งเน้นให้ผู้พัฒนาสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และส่งเสริมการซื้อคืนที่ดินที่ไม่ได้ใช้งาน
ในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 พฤษภาคม) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเปิดเผยว่า เงินทุนส่วนนี้จะถูกนำไปให้รัฐวิสาหกิจท้องถิ่นกู้ยืม (Relending) เพื่อซื้อบ้านที่สร้างเสร็จแล้วแต่ยังขายไม่ออก ซึ่งบ้านเหล่านี้จะถูกนำมาใช้เป็นที่อยู่อาศัยราคาประหยัดสำหรับประชาชน
แม้ว่านักลงทุนจะตอบรับข่าวนี้ด้วยความยินดี โดยดัชนีหุ้นของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้นเกือบ 10% ในวันศุกร์ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าแผนนี้จะยุติวิกฤตการณ์อสังหาริมทรัพย์ได้หรือไม่
เพราะเงินทุนที่ธนาคารกลางจีนประกาศออกมา เป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่นักวิเคราะห์บางคนบอกว่าจำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาดที่อยู่อาศัย และผู้ซื้อที่มีศักยภาพหลายรายยังคงรอให้ราคาบ้านลดลงอีกก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม การประกาศในวันศุกร์ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสีจิ้นผิงในการพยุงเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ตั้งแต่ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงอัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูงเป็นประวัติการณ์ คำถามตอนนี้คือ ทางการจะสามารถใช้มาตรการทางการเงินและการปรับนโยบายที่เหมาะสมเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นโดยไม่กลับไปสู่การเก็งกำไรที่มากเกินไปเหมือนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาหรือไม่
“นี่ค่อนข้างคล้ายกับการอุ้มสถาบันการเงินในช่วงวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่” จูหนิง ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากสถาบันการเงินเซี่ยงไฮ้กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์กับ Bloomberg TV แต่ในท้ายที่สุด เว้นแต่รัฐบาลกลางจะเข้ามาแทรกแซงและขยายวงเงินสินเชื่อของตนเองไปยังตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็ยากที่จะเชื่อว่าเราจะหลุดพ้นจากวิกฤตนี้ได้
เถาหลิง รองผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน (PBOC) กล่าวว่า เงินทุนดังกล่าวจะถูกเสนอให้กับสถาบันการเงิน 21 แห่ง ในอัตราดอกเบี้ย 1.75% โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจท้องถิ่นที่ได้รับเลือก เพื่อสนับสนุนการซื้อบ้านที่ยังขายไม่ออก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปลี่ยนเป็นสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านได้ประมาณ 5 แสนล้านหยวน (ประมาณ 2.56 แสนล้านบาท)
เถากล่าวเสริมว่า “นี่เป็นมาตรการสำคัญของรัฐบาลกลางเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และเพื่อตอบสนองความต้องการบ้านที่มีคุณภาพของประชาชน เราจะดำเนินการและเปิดตัวมาตรการต่างๆ อย่างรวดเร็ว”
เงินทุนนี้จะถูกนำไปใช้ซื้อบ้านที่สร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ขาย โดยรัฐบาลท้องถิ่นสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้าร่วมโครงการนี้หรือไม่ตามความต้องการของตนเอง นโยบายนี้ใช้ได้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท โดยไม่คำนึงถึงความเป็นเจ้าของ
เรย์มอนด์ เฉิง กรรมการผู้จัดการของ CGS International Securities Hong Kong กล่าวว่า “(การให้กู้ยืม) เป็นการเริ่มต้นที่ดีและสามารถเพิ่มเงินทุนได้มากขึ้นหากจำเป็น เนื่องจากรัฐบาลกลางดูเหมือนจะมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่มันอาจใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะเห็นผล”
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ ที่ประกาศในวันศุกร์ เช่น มาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการส่งมอบบ้านที่สร้างเสร็จแล้วตรงเวลา และมาตรการเพื่อส่งเสริมการซื้อคืนที่ดินที่ไม่ได้ใช้งาน
ตงเจี้ยนกั๋ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองและชนบท กล่าวว่า “การสร้างความมั่นใจในการส่งมอบบ้านมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสิทธิของประชาชน เราจะใช้มาตรการหลายอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการต่างๆ จะได้รับการส่งมอบตรงเวลา และสำหรับโครงการที่ไม่สามารถส่งมอบได้ เราจะดำเนินการตามกฎหมาย”
มาตรการชุดนี้ยังรวมถึงการยกเลิกลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับบ้านหลังแรกและหลังที่สอง การลดเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรกและครั้งที่สองเหลือ 15% และ 25% ตามลำดับ จากเดิม 20% และ 30% และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ผูกกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบุคคลลง 0.25%
มาตรการทั้งหมดนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการประชุมที่ เหอลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นซื้อบ้านที่ขายไม่ออก โดยเขากล่าวว่า “รัฐบาลท้องถิ่นควรซื้อคืนหรือซื้อที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานตามความเหมาะสม เพื่อช่วยลดแรงกดดันให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังประสบปัญหา”
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในท่าทีของปักกิ่งต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่สีจิ้นผิงเคยกล่าวไว้เมื่อ 7 ปีก่อนว่า “บ้านมีไว้เพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร” มาตรการล่าสุดนี้แม้ว่าอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อผู้พัฒนาได้ แต่ก็จะเร่งแผนการของสีในการเพิ่มที่อยู่อาศัยสาธารณะ
ที่สำคัญมาตรการชุดนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของผู้กำหนดนโยบายในการกอบกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจของประเทศ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมาตรการเหล่านี้
เรย์มอนด์ เหยิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Australia & New Zealand Banking Group กล่าวว่า “การผ่อนคลายนโยบายเป็นเพียงการผ่อนคลายข้อจำกัดทางสินเชื่อเพียงเล็กน้อย ผมสงสัยว่ามาตรการเหล่านี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของครัวเรือนเกี่ยวกับแนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างไร”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางการล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงอยู่ในช่วงขาลง โดยราคาบ้านใหม่ในเมืองชั้นหนึ่งลดลง 0.6% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 และการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ลดลง 9.8% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อ้างอิง: