เป็นระยะเวลาเพียงไม่นานเลยที่ Uniqlo ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะบริษัทฟาสต์แฟชั่นที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก โดยเป็นการชิงตำแหน่งจาก Zara แต่ทว่า Uniqlo ก็ต้องคืนตำแหน่งนี้ไปเสียแล้ว เมื่อประเทศในซีกโลกตะวันตกได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้นทำให้ผู้คนหันมาซื้อเสื้อผ้าอีกครั้ง ในขณะที่เอเชียซึ่งเป็นฐานรายได้หลักของแบรนด์ญี่ปุ่นยังล้าหลังอยู่มากในเรื่องวัคซีน
Nikkei Asia รายงานว่า มูลค่าของ Fast Retailing ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Uniqlo มี Market Cap ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2021 อยู่ที่ 8.7 ล้านล้านเยน หรือราว 7.94 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Inditex ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Zara มี Market Cap อยู่ที่ 100 พันล้านยูโร หรือราว 1.21 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
Market Cap ของ Fast Retailing ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยึดบัลลังก์มาจาก Inditex ในเดือนกุมภาพันธ์ ด้วยก่อนหน้านั้นแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจากแดนซามูไรได้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งในตลาดเอเชียซึ่งทำได้ค่อนข้างดีในการควบคุมการระบาดของโรค ทว่าการเกิดขึ้นของวัคซีนทำให้สถานการณ์นั้นเปลี่ยนไป
ณ วันที่ 9 มิถุนายน จากการวิเคราะห์โดย Nikkei และ Financial Times พบว่า อัตราการฉีดวัคซีนในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 103 โดส ต่อประชากร 100 คน ขณะที่สหรัฐฯ มีอัตรา 91 โดส ต่อ 100 คน และเยอรมนี มีอัตราการฉีด 66 โดส
สิ่งนี้สวนทางกับสถานการณ์ของภูมิภาคเอเชียซึ่งล้าหลังในเรื่องของการฉีดวัคซีนเป็นอย่างมาก โดยเกาหลีใต้มีอัตราการฉีดวัคซีนเพียง 20 โดส ต่อประชากร 100 คน รองลงมาคือญี่ปุ่น 11 โดส และมาเลเซีย 11 โดส
แม้ Fast Retailing ยังคงแข็งแกร่งในตลาดหลักอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จนนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ก่อนใครเพื่อน แต่สถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับเป็นคนละเรื่อง
เพราะ Uniqlo ต้องปิดร้านทั้งหมด 49 แห่งชั่วคราว เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดอีกครั้ง ขณะที่ร้านค้า 5 ใน 8 แห่งของ Uniqlo ในเวียดนามได้หยุดดำเนินการชั่วคราวแล้ว
ส่วนบ้านเกิดก็ประสบปัญหาไม่แพ้กัน โดยในเดือนพฤษภาคมยอดขายของ Uniqlo ในสาขาเดิม (Same Store Sale) ลดลง 0.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งนี่เป็นการกลับมาติดลบอีกครั้งในรอบ 12 เดือน
นักวิเคราะห์จาก JP Morgan Securities Japan ให้ความเห็นว่า Fast Retailing มีความแข็งแกร่งในด้านเสื้อผ้าในร่มและชุดลำลอง ซึ่งทำให้ธุรกิจยังแข็งแกร่งแม้เกิดแรงปะทะจากโควิด-19 แต่การเปลี่ยนแปลงทั่วโลกที่นำไปสู่การเปิดเศรษฐกิจใหม่ได้ฟื้นความต้องการเสื้อผ้ากลางแจ้งซึ่งเป็นประโยชน์ต่อ Inditex
ล่าสุด Inditex รายงานกำไรสุทธิ 421 ล้านยูโร สำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุดในเดือนเมษายน โดยตัวเลขนี้เป็นการฟื้นตัวจากการขาดทุน 409 ล้านยูโร ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจากแดนกระทิงดุจำต้องปิด 88% ของร้านที่มีทั่วโลก แต่อีกหนึ่งปีต่อมาตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 16% เท่านั้น
นอกจากนี้ยอดขายในช่องทางออนไลน์ยังเพิ่มขึ้น 67% ในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนจากปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นในช่วงของการระบาด
อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นความเชื่อร่วมกันของทั้ง 2 ยักษ์ฟาสต์แฟชั่นว่า เอเชียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตระยะกลางถึงระยะยาว
โดยช่วงสิ้นเดือนที่แล้ว Uniqlo มีร้านในแดนมังกร 818 สาขา แซงหน้า 810 สาขา ในญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Fast Retailing วางแผนที่จะเปิดร้าน 100 แห่งในจีน รวมถึงไต้หวันและฮ่องกง ด้าน Inditex กำลังรุกเข้าสู่เอเชียเช่นกัน โดยในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วเพิ่งมีการเปิด Zara Flagship Store ในกรุงปักกิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Uniqlo ทำได้! ขึ้นแซง Zara เป็นครั้งแรกในฐานะบริษัทฟาสต์แฟชั่นที่มีมูลค่ามากที่สุด ด้วยตัวเลข 3.08 ล้านล้านบาท
- 40-50 สาขาไม่พอแล้ว! Uniqlo ประกาศกร้าวขยายสาขาเพิ่ม 1 เท่าตัว เป็นปีละ 100 สาขาในเอเชีย หลังมองจะเป็นศูนย์กลางการเติบโตของโลก
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น
อ้างอิง: