สำหรับวันที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประหลาดใจมากมายในฟุตบอลโลก ไม่มีการปิดฉากวันไหนที่จะดีไปกว่าการปรากฏตัวของฮีโร่คนใหม่ที่มาแบบไม่มีใครคาดคิด
‘ไอ้ฟันห่าง’ นิคลาส ฟูลล์ครูก ศูนย์หน้าตัวสำรอง กลายเป็นคนที่ช่วยรักษาความหวังในการลุ้นเข้ารอบต่อไปของเยอรมนีเอาไว้ได้ ด้วยการทำประตูตีเสมอทีมที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงเป็นพริกแกงใต้อย่างสเปน ในเกมระดับบิ๊กแมตช์นัดแรกของรายการ
ฟูลล์ครูกคือใคร? กลายเป็นคำถามใหญ่ในโลกอินเทอร์เน็ตที่แฟนๆ ต่างพยายามหาคำตอบกัน และพบว่าคำตอบที่ได้นั้นมีความสนุกสนานพอสมควร
ศูนย์หน้าจากทีมแวร์เดอร์ เบรเมน รายนี้เป็นกองหน้าตัวเป้าในแบบดั้งเดิมคนเดียวในทีมที่ ฮันซี ฟลิก ตัดสินใจเรียกตัวมาติดทีมด้วย
สิ่งสำคัญสำหรับกองหน้าตัวเป้าแบบ ‘Classic No.9’ ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความสามารถในการพักพิงอิงบอลในแดนบน และการหาทางส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเต็มไปด้วยเทคนิคการเล่นชั้นสูง ไม่ต้องรวดเร็วปราดเปรียวประหนึ่งปีกความเร็วสูง และไม่ต้องฉลาดเป็นกรดในแบบของ ‘False 9’ ตามสมัยนิยม
ความจริงแล้วฟูลล์ครูกก็แทบไม่ได้รับการใส่ใจจากใครสักเท่าไรเมื่อคิดถึงทีมชาติเยอรมนี เพราะในทีมมีคนที่มีประกายรัศมีเจิดจ้าหลายคน ไม่ว่าจะเป็น จามาล มูเซียลา, แซร์จ กนาบรี้, เลรอย ซาเน หรือแม้แต่น้องใหม่ที่สร้างความฮือฮาอย่าง คาริม อเดเยมี และ ยูสซูฟา มูโกโก
ชื่อของคนเหล่านี้บดบังรัศมีของฟูลล์ครูก จนแทบมองอะไรไม่เห็น
แต่ในยามที่ทีมต้องการใครสักคน ที่ไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่าการหาทางส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายเหมือนอย่างในเกมเมื่อคืนนี้กับสเปน กองหน้าเจ้าของสตอรีมากมายคือคนนั้นที่ ฮันซี ฟลิก มองหา
เยอรมนีอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่อย่างมากต่อการตกรอบแรกฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน เมื่อพวกเขาเพลี่ยงพล้ำปล่อยให้สเปนได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก อัลวาโร โมราตา ศูนย์หน้าธรรมชาติอีกคนที่ถูกมองข้าม แต่เป็นคนลงมาช่วยทำประตูให้ La Roja ได้ในช่วงครึ่งหลัง
เวลาในเกมเหลือเพียงแค่ 20 นาทีที่ฟลิกจะแก้ไขสถานการณ์ อดีตกุนซือบาเยิร์น มิวนิก ผู้รับตำแหน่งบุนเดสเทรนเนอร์ต่อจาก โยอาคิม เลิฟ ขอทิ้งไพ่สำคัญ 2 ใบ
หนึ่งใบสำหรับ เลรอย ซาเน สายฟ้าสลาตันที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนและไม่อยู่ในสภาพร่างกายที่พร้อมมากนัก แต่ถึงตรงนี้จำเป็นต้องใช้ความเร็วของเขาแล้ว
อีกหนึ่งใบสำหรับฟูลล์ครูก ผู้ที่มีหน้าที่ในการหาทางเล่นงานกองหลังสเปนให้ได้
และเขาก็ทำได้จริงๆ จากจังหวะที่เริ่มโดยมูเซียลา ที่งัดลีลาวาดลวดลาย ก่อนผ่านบอลให้กองหน้าวัย 29 ปีได้หลุดเข้าไปก่อนสังหารประตูอย่างสุดมัน
ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยการเสมอกันไปแบบสุดมันคุณภาพสูงกับสกอร์ 1-1 เยอรมนียังพอมีความหวังจะผ่านเข้ารอบต่อไปหากสามารถเอาชนะคอสตาริกาได้ในเกมนัดสุดท้าย – แม้จะไม่มีอะไรการันตีได้ เพราะทีมจากภูมิภาคอเมริกากลางเองก็มีความหวังด้วยเหมือนกันหลังจากที่เอาชนะญี่ปุ่นมาได้
แต่อย่างน้อยที่สุดคือการที่ความหวังยังเหลืออยู่ และเยอรมนีอาจค้นพบดาวดวงใหม่โดยบังเอิญ
“ฟูลล์ครูกลงมาทำหน้าที่ของเขา และทำให้เรายังมีลมหายใจ” มานูเอล นอยเออร์ นายทวาร กล่าวชมรุ่นน้องในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ZDF ขณะที่ โธมัส มุลเลอร์ บอกว่า “มันเป็นการจบสกอร์ที่เหลือเชื่อจากคนที่ยอดเยี่ยม”
คนที่พูดตรงที่สุดอาจเป็น อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่บอกว่า “ผมคิดว่าฟูลล์ครูกได้มอบบางสิ่งที่เราขาดไปในแดนหน้า”
ส่วนฟลิกที่ก็ได้รับคำชมด้วยเหมือนกันกับความกล้าหาญในการตัดสินใจ ชมเชยฟูลล์ครูกว่า “เขาไม่ได้ยิง 10 ประตูในบุนเดสลีกาได้โดยเปล่าๆ เขาเป็นคนที่มีความเฉียบคมมาก และนี่คือสิ่งที่เขาถนัด”
อย่างไรก็ดี การเรียกตัวฟูลล์ครูกติดทีมชาติเยอรมนีก่อนหน้านี้ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะแม้ว่าเขาจะเป็นดาวซัลโวของบุนเดสลีกาด้วยจำนวน 10 ประตู แต่เส้นทางของเขากับทีมชาติเหมือนเป็นเส้นขนานกันมาตลอด
เพราะโดยปกติแล้วเส้นทางของนักเตะทีมชาตินั้นจะเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย และค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนในอนาคต เรียกว่าแทบจะเป็นสูตรสำเร็จเลยทีเดียว
แต่สำหรับฟูลล์ครูก แม้จะเคยได้โอกาสติดทีมชาติระดับเยาวชน U18, U19, U20 แต่หลังจากนั้นเขาไม่ได้อยู่ในสารบบอีก เพราะไม่ได้โด่งดังเปรี้ยงปร้าง จะไปมีชื่อก็ในระดับ ‘2. บุนเดสลีกา’ หรือดิวิชัน 2 ของเยอรมนี กับทีมเนิร์นแบร์กและฮันโนเวอร์ แล้วโดนแวร์เดอร์ เบรเมนดึงตัวกลับมาในปี 2019
ก่อนที่จะได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติ และได้โอกาสลงประเดิมสนามกับทีมชาติเยอรมนี ก็แค่เพียง 1 สัปดาห์ก่อนหน้าที่จะถึงเกมฟุตบอลโลกเท่านั้น ในเกมกับทีมชาติโอมาน
ในขณะที่สื่อให้น้ำหนักกับดอกไม้บานเร็วอย่าง ยูสซูฟา มูโกโก กองหน้าอัจฉริยะที่ได้โอกาสลงเล่นครั้งแรกในเกมเดียวกันด้วยวัย 17 ปี 361 วัน แต่คนที่ทำประตูชัยให้เยอรมนีในเกมนั้นคือดอกไม้บานช้าอย่างฟูลล์ครูก ที่ได้โอกาสลงสนามครั้งแรกในวัย 29 ปี กับอีก 280 วัน
ก่อนจะมาถึงวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาในการได้โอกาสลงสนามมา และทำประตูสำคัญช่วยชีวิตอินทรีเหล็กไม่ให้ต้องกลับบ้านก่อน
ระหว่างที่แฟนๆ ทั่วโลกกำลังสนุกกับการศึกษาเรื่องราวของฟูลล์ครูก ทั้งเรื่องที่ภรรยาชื่อว่า ลิซา, ชอบฟังเพลงคลาสสิก ‘Eye of the Tiger’ เพื่อปลุกเร้าตัวเองก่อนเกม ไปจนถึงเรื่องอมยิ้มอย่างเรื่องที่ครั้งหนึ่งต้องเคยเข้าโรงพยาบาลเพราะโดนฟันหน้าของเพื่อนเฉาะเข้ากลางหน้าผาก
‘Lucke’ หรือ ‘ห่าง’ คือสมญาของเขา ซึ่งมาจากฟันหน้าที่ห่างอันเป็นเอกลักษณ์ประจำกาย ซึ่งในวันที่ฟูลล์ครูกได้ย้ายกลับมาทีมแรกอย่างแวร์เดอร์ เบรเมนอีกครั้ง สโมสรก็เล่นกับเขาด้วยการโพสต์ภาพฟันของเจ้าตัว ที่แฟนๆ นกนางนวลแค่เห็นก็รู้
แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ฟูลล์ครูกได้บอกกับทุกคนโดยไม่รู้ตัวคือ เราทุกคนต่างมีคุณค่าของเราเอง และช่วงเวลาของเราจะมาถึงอย่างแน่นอน หากอดทนมากพอและไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาไปเสียก่อน
ดังภาษิตจีนโบราณท่านว่า เมื่อถึงเวลา ดอกไม้จะบานเอง
บันทึกเพิ่มเติม
- ชัยชนะของคอสตาริกาเหนือญี่ปุ่นด้วยประตูชัยของ เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ เป็นชัยชนะที่น่าประทับใจไม่แพ้กับชัยชนะของญี่ปุ่นเหนือเยอรมนี พวกเขาเล่นอย่างอดทนไม่แพ้กัน และรอคอยโอกาสครั้งเดียว ขอครั้งเดียวเท่านั้น และทำได้สำเร็จ
- ใครอย่าได้ว่าโครเอเชียเป็นเสือเฒ่า เพราะถึงจะเฒ่าแต่ก็ยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ สอนบอลเด็กกำลังห้าวอย่างแคนาดาได้สบายๆ
- การออกมาพูดแบบคิดน้อยของ เควิน เดอ บรอยน์ กำลังบั่นทอนเบลเยียมจากภายใน เรื่องนี้ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ต้องรีบจัดการ….ถ้ายังมีความสามารถจะจัดการได้
- ลิโอเนล เมสซี กำลังจะเซ็นสัญญาไปอินเตอร์ ไมอามี ตามความตั้งใจที่มีแต่เดิมมา เพื่อปิดฉากชีวิตการเล่นของตัวเองที่เมเจอร์ลีกซอกเกอร์