×

ธนาคารโลกเตือน สงครามยูเครนฉุดราคาอาหาร-พลังงานพุ่งครั้งใหญ่สุดในรอบ 50 ปี ผลกระทบยืดเยื้อ 3 ปี

27.04.2022
  • LOADING...
ธนาคารโลก

วานนี้ (26 เมษายน) ธนาคารโลกได้เผยแพร่รายงานภาพรวมตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเตือนผลกระทบจากสงครามในยูเครนว่าอาจก่อให้เกิดภาวะช็อกของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Price Shocks) ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี หรือนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970

 

ธนาคารโลกระบุว่า ภาวะช็อกของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อันเกิดจากการหยุดชะงักในการผลิตที่เป็นผลจากความขัดแย้งและสงครามในยูเครน ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นทั้งอาหารและพลังงาน ตั้งแต่ก๊าซธรรมชาติ ฝ้าย และข้าวสาลี อีกทั้งยังส่งผลเปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้า การผลิต และการบริโภคทั่วโลกในหลายหนทาง ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2024

 

“โดยรวมแล้วนี่เทียบเท่ากับภาวะช็อกของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ครั้งใหญ่สุดที่เราเคยเผชิญมานับตั้งแต่ยุค 1970 ภาวะตื่นตระหนกทวีความรุนแรงจากการเพิ่มขึ้นของข้อจำกัดในการค้าขายอาหาร พลังงาน และปุ๋ย” อินเดอร์มิต กิลล์ รองประธานด้านการเติบโตอย่างเท่าเทียม การเงิน และสถาบันของธนาคารโลก กล่าว

 

นอกจากนี้หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2024 ยังมีความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ ‘ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Stagflation)’ ซึ่งเกิดจากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง

 

การปรับเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นับได้ว่าสูงที่สุดตั้งแต่เกิดวิกฤตราคาน้ำมันในปี 1973 โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอาหาร รวมถึงปุ๋ยที่พึ่งพิงก๊าซธรรมชาติในการผลิต พุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งรัสเซียและยูเครนถือเป็นผู้ผลิตอาหารและสินค้าการเกษตรรายใหญ่ของโลก

 

ปีเตอร์ เนเกิล ผู้เขียนรายงานดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ต่อ BBC ว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นเริ่มส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรมอย่างมหาศาล โดยประชาชนทุกครัวเรือนทั่วโลกกำลังรู้สึกได้ถึงวิกฤตค่าครองชีพที่เกิดขึ้น

 

“เรากังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับครัวเรือนที่ยากจนที่สุด เนื่องจากพวกเขาต้องใช้รายได้ในสัดส่วนที่มากขึ้นสำหรับอาหารและพลังงาน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากราคาที่พุ่งสูงขึ้นมากเป็นพิเศษ” เขากล่าว

 

ขณะที่ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ราคาพลังงานนั้นอาจเพิ่มสูงมากกว่า 50% ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชนทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น 

 

โดยราคาพลังงานที่จะเพิ่มมากที่สุดคือราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป ซึ่งอาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องในปีหน้าและปี 2024 แต่จะยังสูงกว่าระดับราคาในปี 2021 ไม่น้อยกว่า 15%

 

ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น สินค้าเกษตรและโลหะ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในปีนี้ ก่อนจะค่อยๆ ลดลงในปีถัดไป

 

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่สงครามยูเครนยืดเยื้อหรือมีการเพิ่มการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย คาดว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจเพิ่มสูงขึ้นและผันผวนมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนนี้

 

ภาพ: Photo by Beata Zawrzel / NurPhoto via Getty Images

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising