×

‘วัฒนธรรมการทำงาน’ รากเน่าปัญหาที่แท้จริงของสเปอร์ส (ที่คอนเตก็กู้ไม่ไหว)

21.03.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • การที่คอนเตยอมเปิดหน้าจัดหนักลูกทีมมากขนาดนี้ไม่ได้ต่างอะไรเลยจาก Exit interview ที่คนทำงานจะระบายทุกปัญหาความคับข้องใจให้กับฝ่าย HR ฟัง
  • มีตัวเลขสถิติหนึ่งที่น่าสนใจคือ ตลอด 20 ปีที่ แดเนียล เลวี เข้ามาเป็นประธานสโมสรนั้น เขาใช้โค้ชทั้งหมด 10 คนด้วยกัน โดย 10 คนนี้เคยคว้าแชมป์รวมกัน 61 ครั้ง แต่สเปอร์สได้แชมป์แค่รายการเดียวคือลีกคัพในปี 2008
  • แมตต์ ลอว์ นักเขียนจาก The Telegraph ชี้ให้เห็นถึงปัญหาว่า สุดท้ายแล้วไม่ว่าคอนเตจะพยายามบอกว่ามันเกิดจากนักเตะขาดความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ แต่คนที่เป็นต้นธารของปัญหาทั้งหมดคือตัวประธานอย่างเลวี

ในการแถลงข่าวหลังจบเกมที่สเปอร์สถูกเซาแธมป์ตันไล่ตามตีเสมอจาก 1-3 มาเป็น 3-3 ซึ่งกระทบต่อความหวังและโอกาสของทีมในการลุ้นทำอันดับติดท็อปโฟร์ที่มีคู่แข่งอย่างนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และไบรท์ตัน สิ่งที่กระเทือนมากกว่าคือการออกมาให้สัมภาษณ์ของ อันโตนิโอ คอนเต ในฐานะนายใหญ่ของทีม ที่เป็นเหมือนการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ลงใจกลางห้องแต่งตัวของทีม

 

“ผมคิดว่ามันเป็นการดีกว่าที่เราจะลงในรายละเอียดของปัญหา เราไม่ได้เป็นทีม เราเป็นแค่ผู้เล่น 11 คนที่ลงไปในสนาม” คอนเตเดือดเหมือนแม็กมา “ผมเห็นนักเตะที่เห็นแก่ตัว นักเตะที่ไม่อยากช่วยคนอื่นและไม่ใช้หัวใจลงไปในการเล่น

 

“เมื่อเทียบระหว่างฤดูกาลนี้กับฤดูกาลที่แล้ว นี่คือสิ่งที่เราทำได้แย่กว่า เวลาที่เราไม่ช่วยกันเป็นทีม ไม่มีอะไรที่มันจะดีขึ้นหรอก”

 

พูดง่ายๆ คือกุนซือชาวอิตาลีพุ่งเป้าไปยังเหล่านักเตะภายในทีมแบบเต็มๆ และดูเหมือนจะเป็นนายใหญ่คนแรกของสเปอร์สที่ตัดสินใจ ‘หักเป็นหัก’ กับนักเตะเหล่านี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าหากพูดออกไปแล้วนั่นอาจหมายถึงการที่จะไม่สามารถร่วมงานกันได้อีก

 

การแถลงข่าววันนั้น คอนเตที่ไม่ได้เป็นกุนซือโนเนมอ่อนประสบการณ์ หากแต่ประสบความสำเร็จมามากมายตั้งแต่ครั้งยังเป็นผู้เล่นในเซเรีย อา อิตาลี ก่อนจะผันตัวมาทำงานด้านการเป็นโค้ช ซึ่งก็เคยคุมทีมอย่างยูเวนตุส หรือแม้แต่เคยพาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ ยัง ‘ฟาด’ ลูกทีมของเขาต่อ

 

“พวกเขาไม่เคยเล่นเพื่ออะไรที่สำคัญ พวกเขาไม่ต้องการเล่นภายใต้ความกดดัน พวกเขาไม่ต้องการเล่นภายใต้ความเครียด 

 

“มันก็ง่ายๆ แค่นี้ เรื่องของสเปอร์สมันมีแค่นี้เลย เจ้าของสโมสรอยู่กับทีมมา 20 ปีแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย อะไรคือเหตุผลล่ะ? ความผิดทั้งหมดมันตกอยู่กับสโมสรหรือผู้จัดการทีมทุกคนที่มาที่นี่ ผมเห็นผู้จัดการทีมของสเปอร์สทุกคนที่คุมทีมอยู่ที่ม้านั่งข้างสนาม พวกเขาต้องเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อปกป้องเรื่องอื่นตลอดเวลา

 

“จนถึงตอนนี้ผมพยายามจะปิดบังสถานการณ์ภายในทีมไว้ แต่ตอนนี้ผมจะไม่ปิดอีกต่อไป เพราะผมขอย้ำว่าผมไม่อยากเห็นอะไรแบบที่เกิดในวันนี้อีก

 

“ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่แค่สโมสร ไม่ใช่แค่ผู้จัดการทีมหรือสตาฟฟ์ พวกผู้เล่นเองก็ต้องร่วมรับผิดชอบกับสถานการณ์ในตอนนี้ด้วยเช่นกัน เพราะมันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้แล้ว ถ้าหากสเปอร์สต้องการที่จะเปลี่ยนจริงๆ

 

“พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีมได้ และก็เปลี่ยนมาแล้วมากมาย แต่ทุกอย่างมันไม่เคยเปลี่ยนเลย เชื่อผมสิ”

 

 

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะไม่ใช่ส่วนของผู้เล่นเหมือนเดิม

 

The Telegraph และสื่ออีกหลายสำนักรายงานตรงกันตั้งแต่ช่วงเช้าว่าคนที่ต้องไปคือคอนเต ซึ่งดูเหมือนว่าก็ไม่แคร์แล้วเหมือนกัน เพราะสุดจะทนกับทีมแล้ว โดยทางด้าน แดเนียล เลวี ประธานสโมสร ได้หารือกันภายในทีมและดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่น

 

คอนเต ‘ล้ำเส้น’ กับทีมมากเกินไป และไม่มีทางออกใดในเรื่องนี้ นอกจากการที่นายใหญ่ชาวอิตาลีจะต้องไปจากสโมสรทันที

 

เรื่องนี้ก็ไม่ผิดไปจากความเห็นของเหล่านักวิจารณ์ทางอังกฤษมากนัก เพราะเชื่อว่าการที่คอนเตยอมเปิดหน้ามากขนาดนี้ไม่ได้ต่างอะไรเลยจาก Exit interview ที่คนทำงานจะระบายทุกปัญหาความคับข้องใจให้กับฝ่าย HR ฟัง

 

เรียกได้ว่า ‘จัดหนัก’ ที่สุดเท่าที่จะพูดได้ เพราะทำใจแล้วว่าอย่างไรก็ต้องไปอยู่แล้ว

 

ทีนี้หากเป็นเช่นนั้นจริง ตามกระแสข่าวระบุแนวทางการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าของสเปอร์สในเวลานี้คือ

  1. แต่งตั้ง ไรอัน เมสัน อดีตผู้เล่นที่ผันตัวมาเป็นแบ็กรูมสตาฟฟ์ของสโมสร คุมทีมเป็นการชั่วคราวอีกครั้ง หลังจากที่เคยรับช่วงคุมทีมเป็นระยะเวลาสั้นๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยอาจจะให้คุมทีมไปจนจบฤดูกาล
  2. เร่งเจรจากับแคนดิเดตที่เล็งเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยชื่อที่ปรากฏออกมาตอนนี้มี 3 ชื่อ และล้วนเป็น ‘ตัวท็อป’ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ เอ็นริเก, โธมัส ทูเคิล และ เมาริซิโอ โปเชตติโน เพียงแต่การที่จะให้โค้ชระดับนี้รับ ‘เผือกร้อน’ ตอนนี้เลยอาจจะเป็นเรื่องยาก

 

แล้วสิ่งที่คอนเตพ่นออกมาตั้งเยอะตั้งแยะ?

 

มองด้านหนึ่งมันอาจเป็นไปได้ที่นายใหญ่ชาวอิตาลีก็อาจจะมีปัญหากับลูกทีมเองด้วย โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่ทุกอย่างไม่ได้ก้าวเดินไปข้างหน้าในแบบที่คาดหวัง โดยเฉพาะเมื่อเห็นคู่แข่งที่พวกเขาปาดหน้าแซงเข้าป้ายติดท็อปโฟร์อย่างอาร์เซนอลทำทุกอย่าง ‘ถูกทุกข้อ’ จนใกล้เคียงกับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 19 ปี

 

แต่อีกด้านหนึ่งการเลือกจะปลดคอนเตนั้นแทบไม่ต่างอะไรจากการแก้ปัญหาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

 

มีตัวเลขสถิติหนึ่งที่น่าสนใจคือ ตลอด 20 ปีที่แดเนียล เลวี เข้ามาเป็นประธานสโมสรนั้น เขาใช้โค้ชทั้งหมด 10 คนด้วยกัน

 

ในจำนวนโค้ช 10 คนนี้เป็นโค้ชที่เคยประสบความสำเร็จมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป แต่รวมแล้วทั้ง 10 คน (รวมถึงคอนเต) เคยคว้าแชมป์มาแล้วมาถึง 61 รายการในเกียรติประวัติของพวกเขา

 

คำถามคือ แล้วยอดโค้ชทั้ง 10 คนนี้นำสเปอร์สได้แชมป์กี่รายการ? 

 

คำตอบคือรายการเดียว ลีกคัพในปี 2008

 

แมตต์ ลอว์ นักเขียนจาก The Telegraph ชี้ให้เห็นถึงปัญหาว่า สุดท้ายแล้วไม่ว่าคอนเตจะพยายามบอกว่ามันเกิดจากนักเตะขาดความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ แต่คนที่เป็นต้นธารของปัญหาทั้งหมดคือตัวประธานอย่างเลวี

 

ในภาพยนตร์สารคดีดัง ‘All or Nothing’ เวอร์ชันของสเปอร์ส มีฉากหนึ่งที่ แดนนี โรส อดีตแบ็กซ้ายของทีม มีปัญหากับ โชเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีมในเวลานั้น ก่อนจะพูดคำหนึ่งว่า “ผมจะไปหาแดเนียล” หรือพูดง่ายๆ คือจะไปฟ้องประธานสโมสร

 

ไม่นานมานี้ ริชาร์ลิสัน หนึ่งในนักเตะค่าตัวแพงที่สเปอร์สซื้อเข้ามาเพื่อหวังจะเพิ่มความแข็งแกร่งในแนวรุก ก็ส่งสัญญาณ ‘งัด’ กับคอนเต ด้วยการบ่นเรื่องการโดนจับดรอปเป็นตัวสำรอง ทั้งๆ ที่สภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

 

ปัญหาคือ ในสายตาของเลวี นักฟุตบอลสำหรับเขาคือ ‘ทรัพย์สิน’

 

ส่วนผู้จัดการทีมคือ ‘ค่าใช้จ่าย’

 

เขาเลือกที่จะจัดการเปลี่ยนผู้จัดการทีมมากกว่านักเตะ และปล่อยให้ผู้เล่นภายในทีมบริหารจัดการในเรื่องของ ‘วัฒนธรรมภายในองค์กร’ กันเอง และผลลัพธ์ที่ได้นั้นเป็นที่ประจักษ์กันในสนามอยู่แล้วว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว

 

และเพราะแบบนี้สเปอร์สจึงเป็นได้แค่ทีมที่ ‘เกือบจะดี’ แต่ไม่ดีสักที

 

กรณีศึกษาที่ดีสำหรับเรื่องนี้คืออาร์เซนอล ที่สโมสรพร้อมหนุนหลัง มิเกล อาร์เตตา ในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรภายในทีม ซึ่งนำไปสู่การตัดหางนักเตะที่กุนซือชาวสเปนมองว่าเป็นบ่อกำเนิดปัญหาอย่าง เมซุต โอซิล ไปจนถึง ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง ผลลัพธ์ที่ได้คือการที่พวกเขากำลังลุ้นแชมป์ในเวลานี้

 

อีกทีมที่เป็นตัวอย่างที่ดีคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนับสนุน เอริก เทน ฮาก อย่างเต็มที่ นอกจากการเติมนักเตะที่กุนซือชาวดัตช์ต้องการในจุดที่ต้องการ ยังไม่ติดขัดหากจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายในทีม เช่น การพัก แฮร์รี แม็กไกวร์ กัปตันทีมที่ผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจไปก่อน รวมถึงอีกหลายๆ คนที่เคยเป็นขาประจำภายในทีม (และการหายไปของ พอล ป็อกบา กับ เจสซี ลินการ์ด ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นจริงๆ)

 

นี่คือสิ่งที่สเปอร์สควรทำ หากพวกเขาต้องการจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริงๆ ซึ่งแม้จะน่าเสียดายคนเก่งอย่างคอนเตที่สุดท้ายก็พาทีมไปสู่ความสำเร็จไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็หย่อนระเบิดลงถูกช่อง และมันทำให้มองเห็นภาพใหญ่ของปัญหาได้ชัดมากขึ้น

 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเลวีแล้วว่าจะยอมเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ไหม?

 

หรือพอใจแค่นี้และปล่อยให้ทุกอย่างวนกลับไปตามลูปเดิมอีกในอนาคต

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising