×

ผิดไหมคะที่เราจะเบื่อแฟนที่ไม่ค่อยมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

04.09.2019
  • LOADING...
ความสัมพันธ์กับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • เราไม่มีทางได้ทุกอย่างที่เราอยากได้ในความสัมพันธ์ครับ เมื่อเรามีความสัมพันธ์กับใคร เราเอาทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเราเองมอบให้เขา เช่นเดียวกัน เราก็ต้องรับทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเขามาด้วย แน่นอนมันจะมีสิ่งที่เขาเป็นบางอย่างที่ขัดใจเรา เราเองก็มีข้อเสียหรือสิ่งที่เราเป็นที่ตัวเขาเองก็คงไม่ชอบเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ในขณะที่เราต้องรับความน่าเบื่อของเขาที่เขาเป็นคนไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน อีกมุมหนึ่งเขาเองก็ต้องรับเรื่องไม่ดีของเราไว้เหมือนกัน
  • สิ่งที่คุณมองหาในคนรักอุดมคตินั้น ในชีวิตจริงเราก็อาจจะหาไม่ได้ตามนั้นหรอก แต่มันต้องมีคุณค่าบางอย่างที่เราจะยึดไว้ว่ามันต้องมีความสัมพันธ์ เช่นเดียวกันสิ่งที่คุณยอมรับไม่ได้เลยในคนรักอุดมคตินั้น มันก็จะสะท้อนคุณค่าบางอย่างที่คุณจะยึดไว้ว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่คุณจะไม่มีวันยอมรับเลยถ้ามันเกิดขึ้นในความสัมพันธ์
  • ถ้าคุณรู้สึกว่า ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็น The Must ที่คุณต้องการมากในคนรักของคุณ ก็เป็นไปได้ครับว่า คนรักในปัจจุบันของคุณอาจจะไม่ตอบโจทย์ตรงนี้ก็ได้ ทีนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วว่า คุณจะยอมรับเขาได้ไหมที่เขาเป็นแบบนี้ ถ้ารับไม่ได้จริงๆ คุณจะเปลี่ยน เขาจะเปลี่ยน หรือทั้งคู่จะเปลี่ยน อันนี้ฝากให้คิดต่อ

Q: เรามีแฟนอยู่คนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรานี่แหละค่ะ คบกันมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้เรารู้สึกเบื่อๆ เขาอยู่เหมือนกัน เพราะในขณะที่เราเติบโตในหน้าที่การงานมากขึ้น แฟนของเรากลับเป็นคนที่ไม่ได้มองหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเลย เขาทำงานไปวันๆ ทำไปเรื่อยๆ ไม่มีความกระตือรือร้น ทำงานมานานก็อยู่ตำแหน่งเดิม ไม่ได้รับการโปรโมตและก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะโปรโมต เขาบอกว่าเขาไม่อยากรับผิดชอบมากขึ้น อยู่เท่านี้ก็ดีแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าเขาเป็นคนน่าเบื่อ บางทีมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะอยู่กับคนแบบนี้ต่อไปดีไหม แต่ก็คบกันมาหลายปีแล้ว ผิดไหมคะที่เราจะเบื่อแฟนเพราะเขาไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

 

A: ผิดหรือไม่ผิดผมคิดว่าคงไม่ใช่ประเด็น เพราะไม่ว่าจะผิดหรือไม่ผิด แต่ตอนนี้คุณก็รู้สึกว่าเขาน่าเบื่อแล้ว และคุณก็เบื่อเขา และความรู้สึกเบื่อแฟนไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ เพราะความเปลี่ยนแปลงของมนุษย์มีอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าความรู้สึกเบื่อหน่ายคนคนเดิมที่เราเคยปลาบปลื้มหนักหนาจะมาเยือน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก 

 

คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ตามประสบการณ์ที่เปลี่ยนไป วัยที่เปลี่ยนไป ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงไปได้หมดครับ ถ้าเรามองตัวเองในวันนี้กับตัวเราในวันแรกที่เราพบกับแฟน เราก็คงเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเราเหมือนกัน เราในวันนั้นกับเราในวันนี้บางทีก็เหมือนเป็นคนละคนเหมือนกันนะครับ เพราะฉะนั้น ถ้าสายตาของเราที่มองมาที่คนที่เรารักจะเปลี่ยนไป และรู้สึกกับเขาไม่เหมือนเดิมก็เป็นเรื่องเข้าใจได้

 

เวลามีอะไรเกิดขึ้น ผมคิดว่าถ้าเราเปลี่ยนคำถามจาก มันผิดหรือถูก เป็น เข้าใจได้ไหมว่ามันเกิดขึ้นได้ และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เรามีมุมมองอย่างไร เราจะทำอะไรต่อ มันจะช่วยให้ชีวิตเราก้าวต่อไปได้ครับ เพราะถ้าเราโฟกัสอยู่แต่ที่ความผิดถูก มันย่อมมีคนผิดและคนถูกในสถานการณ์นั้น และบ่อยครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นคือคนผิดต้องรับผิดชอบ ไปจนถึงบางทีคนที่ถูกก็ถือว่าเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนผิด คนที่ถูกก็สามารถทำอะไรกับคนผิดได้ เพราะคนผิดเป็นคนเริ่มก่อน สุดท้ายปัญหามันก็ไม่จบหรือไม่ได้รับการแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วางเรื่องใครผิดใครถูกไว้ก่อนแล้วมาถามตัวเองและถามคนรักดีกว่าว่า เมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว เราจะทำอย่างไรกันต่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับใครผิดใครถูกแล้วนะครับ เพราะความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ทั้งคู่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน รับผลกระทบร่วมกัน เผชิญปัญหาร่วมกัน และหาทางออกร่วมกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องยกให้ใครคนใดคนหนึ่งจัดการเพียงคนเดียว

 

ในฐานะที่คุณคบกันมานาน คุณน่าจะรู้จักเขาดีกว่าผม อยากชวนคุณลองคิดนิดหนึ่งครับว่า ตั้งแต่แรกเขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วหรือเปล่า เขาเป็นคนเรื่อยๆ ไม่มีความกระตือรือร้นแบบนี้อยู่แล้วหรือเปล่าครับ ถ้าเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น ก็แปลว่าเขาเป็นคนแบบนี้แหละ และเราก็ยอมรับที่เขาเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่าตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหา แต่พอมาตอนนี้ เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป ประสบการณ์เปลี่ยนไป การที่เขาเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเขาน่าเบื่อเกินไป 

 

แล้วอะไรล่ะครับที่ทำให้คุณรักเขาในตอนนั้น อะไรที่คุณรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์และไม่น่าเบื่อ สิ่งนั้นมันยังมีอยู่ในความสัมพันธ์ตอนนี้ไหมครับ 

 

เรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกก็คือ เราไม่มีทางได้ทุกอย่างที่เราอยากได้ในความสัมพันธ์ครับ เมื่อเรามีความสัมพันธ์กับใคร เราเอาทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเราเองมอบให้เขา เช่นเดียวกัน เราก็ต้องรับทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเขามาด้วย แน่นอนมันจะมีสิ่งที่เขาเป็นบางอย่างที่ขัดใจเรา เราเองก็มีข้อเสียหรือสิ่งที่เราเป็นที่ตัวเขาเองก็คงไม่ชอบเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ในขณะที่เราต้องรับความน่าเบื่อของเขาที่เขาเป็นคนไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน อีกมุมหนึ่งเขาเองก็ต้องรับเรื่องไม่ดีของเราไว้เหมือนกัน

 

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า แต่ละคนยอมรับข้อดีและข้อเสียของตัวเองและอีกฝ่ายได้มากน้อยแค่ไหน ต้องรับไปทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ ไม่สามารถเอาไปแต่ข้อดีอย่างเดียวได้

 

มีวิธีหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจคือ คุณอาจจะทบทวนแล้วลองลิสต์สิ่งต่อไปนี้ครับ

 

3 สิ่งที่คุณมองหาในคนรักอุดมคติ เป็น The Must ว่าคนรักของคุณต้องมี เป็นคนรักในอุดมคติของคุณ มีแล้วมันจะดีต่อความสัมพันธ์ มีแล้วคุณจะรักเขามาก มีแล้วคุณจะมีความสุข เป็นคุณค่าบางอย่างที่คุณเชื่อว่ามันดี และเป็นสิ่งที่คุณศรัทธา

 

3 สิ่งที่คุณยอมรับไม่ได้เลยในคนรักอุดมคติ เป็นสิ่งที่คุณจะยอมไม่ได้เลยถ้าคนรักของคุณทำ ถ้ามันเกิดขึ้นมันจะมีผลต่อความสัมพันธ์ เกิดขึ้นแล้วคุณจะรู้สึกเสื่อมศรัทธาในตัวเขา เกิดขึ้นแล้วคุณจะไม่มีความสุขเลยแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุข

 

3 สิ่งที่คุณรักในตัวคนรักในปัจจุบันของคุณ อะไรที่เขาเคยทำหรือยังทำอยู่แล้วคุณมีความสุข อะไรคือสิ่งที่คุณประทับใจในตัวเขา อะไรที่ทำให้คุณรักเขา

 

3 สิ่งที่คุณไม่ชอบในตัวคนรักในปัจจุบันของคุณ อะไรที่คุณรู้สึกขัดใจ อะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกว่าถ้าเขาปรับปรุงแล้วคุณจะมีความสุขมากขึ้น

 

เอาแค่ Top 3 ของแต่ละหัวข้อพอครับ เพราะถ้ามากกว่านี้ ลิสต์คงจะยาวมากไม่รู้จบ 

 

สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ หัวข้อสิ่งที่คุณมองหาในคนรักอุดมคตินั้น ในชีวิตจริงเราก็อาจจะหาไม่ได้ตามนั้นหรอก แต่มันต้องมีคุณค่าบางอย่างที่เราจะยึดไว้ว่ามันต้องมีความสัมพันธ์ เช่นเดียวกัน 3 สิ่งที่คุณยอมรับไม่ได้เลยในคนรักอุดมคตินั้น มันก็จะสะท้อนคุณค่าบางอย่างที่คุณจะยึดไว้ว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่คุณจะไม่มีวันยอมรับเลยถ้ามันเกิดขึ้นในความสัมพันธ์

 

สิ่งที่ผมอยากถามก็คือ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็น The Must หรือสิ่งที่คุณคิดว่าต้องมีในคนรักอุดมคติไหมครับ มันเป็นคุณค่าที่คุณยึดมั่นศรัทธาว่าคนรักต้องมีไหม ทีนี้มองกลับมาที่คนรักในปัจจุบันของคุณครับว่า เขาตอบโจทย์ The Must กับ Must Not ของความสัมพันธ์ในอุดมคติของคุณไหม มีอะไรบ้างที่เขาทำแล้วคุณมีความสุขจังเลย และอะไรบ้างที่เขาทำแล้วคุณไม่ชอบเลย

 

ถ้าคุณรู้สึกว่า ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็น The Must ที่คุณต้องการมากในคนรักของคุณ ก็เป็นไปได้ครับว่า คนรักในปัจจุบันของคุณอาจจะไม่ตอบโจทย์ตรงนี้ก็ได้ ทีนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วว่า คุณจะยอมรับเขาได้ไหมที่เขาเป็นแบบนี้ ถ้ารับไม่ได้จริงๆ คุณจะเปลี่ยน เขาจะเปลี่ยน หรือทั้งคู่จะเปลี่ยน อันนี้ฝากให้คิดต่อ

 

บางทีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมันก็มีผลต่อความสัมพันธ์นะครับ เป็นเรื่องเข้าใจได้ อย่างแรกคือมันทำให้เราภูมิใจในคนที่เรารัก หรือถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว บางทีความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานมันทำให้มีรายได้มาดูแลครอบครัวมากขึ้น ตอนเป็นแฟนกันเราอาจไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายร่วมกันมากเท่านี้ก็ได้ครับ แต่พออยากขยับความสัมพันธ์จากแฟนไปสู่การแต่งงาน เราก็คงมองดูคนของเราว่าเขาทำงานแบบนี้ เขานิสัยแบบนี้ จะใช่คนแบบที่เราสามารถอยู่ร่วมได้ตลอดชีวิตในฐานะคู่ชีวิตหรือเปล่า อยู่กับเขาแล้วแนวโน้มในชีวิตน่าจะเป็นแบบไหน ยิ่งพอเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วต้องมาบริหารเงินร่วมกัน การที่ได้รับการโปรโมตแล้วได้เงินเดือนมากขึ้นมันก็ช่วยครอบครัวได้อยู่ แต่เรื่องการบริหารเงินในครอบครัวผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน ใครทำหน้าที่อะไร ต้องทำมากน้อยแค่ไหน ต้องใช้ชีวิตอย่างไร สถานการณ์การเงินของครอบครัวอยู่ตรงไหน เรื่องพวกนี้ต้องคุยกันหมดครับ

 

ในมุมของผมนั้น การมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานก็เป็นเรื่องดีครับ มันทำให้เราภูมิใจในตัวเอง เช่นเดียวกัน คนรอบข้างของเราก็คงมองมาแล้วภูมิใจ แต่ผมคิดว่าความก้าวหน้าในหน้าที่การงานไม่ใช่เรื่องเดียวที่ทำให้มนุษย์คนหนึ่งภูมิใจในตัวเองได้ หรือทำให้คนรอบข้างมาภูมิใจเขา เพราะคนเรามีอีกหลายมุม มันอาจจะมีเรื่องอื่นๆ ที่เขาภูมิใจ และคนอื่นก็ภูมิใจในตัวเขาอยู่ แต่สิ่งสำคัญคือ คนเราต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกภูมิใจในตัวเอง และคนอื่นก็ภูมิใจในตัวเขาไปด้วย ไม่ว่าสิ่งไหนจะคืออะไรก็ตาม

 

ถ้าเป็นเรื่องที่ทำงาน ผมอาจจะสนับสนุนให้คนเติบโตและมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานครับ อยากให้คนประสบความสำเร็จ แต่ในความรัก ความสัมพันธ์ ผมคิดว่าเราลองคิดมุมกลับกันดูครับว่า เราอยากได้คนที่ชื่นชมยินดีกับเราในฐานะที่เราเป็นคนประสบความสำเร็จ หรือเราอยากได้คนที่รักเราแม้ในวันที่เราถอดยศถาบรรดาศักดิ์ทุกอย่างออก วันที่เราอับจนหมดหนทาง วันที่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเลย วันที่เราไม่มีป้ายแปะบนหน้าผากว่าเราทำงานตำแหน่งใหญ่โต เขาก็ยังรักเราอยู่ เวลาที่เรามีทุกอย่างในมือ ใครๆ ก็คงอยากอยู่กับเราครับ แต่วันที่เราไม่มีอะไรเหลือ ถ้ามีใครที่ยังอยู่กับเรา นั่นแหละครับรักแท้

 

วันนี้คุณประสบความสำเร็จ เติบโตในหน้าที่การงาน ถ้าวันหนึ่งคุณตกงาน คุณคิดว่าคนรักของคุณจะยังอยู่กับคุณและช่วยพยุงให้คุณลุกขึ้นมาใหม่ได้ไหมครับ เช่นเดียวกัน ถ้าคนรักของคุณตกงาน คุณจะยังรักเขา ศรัทธาในตัวเขา เป็นกำลังใจให้เขาก้าวเดินต่อได้ไหม 

 

ผมว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นคำตอบให้คุณได้ครับว่าคุณควรทำอย่างไรกับความสัมพันธ์ และไม่ว่าคำตอบจะออกมาทางไหน ผมเป็นกำลังใจให้ครับ

 

ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising