บรรยากาศแบบเฟสทีฟวนเวียนกลับมาอีกครั้ง สำหรับกลุ่ม Party Animal ทั้งหลายคงต้องกาปฏิทินช่วงเดือนธันวาคมรอไว้แล้วตั้งแต่ต้นปี ไม่ใช่เพื่อเตือนว่าอย่าลืมซื้อของขวัญคริสต์มาสให้เพื่อน แต่เรากาปฏิทินไว้ว่างานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ และมีสไตล์โดดเด่นที่สุดงานหนึ่งของประเทศไทย กำลังจะวนกลับมาจัดอีกครั้งกับ ‘Wonderfruit 2018’
คุณคงเคยเห็นภาพผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง แต่เคยไปสักครั้งหรือยัง? ถ้ายังไม่เคย เราเลยหาเหตุผลมาให้คุณได้ลองทำความเข้าใจดูว่า ทำไม Wonderfruit ถึงเป็นเทศกาลที่ควรค่าแก่ไปเยี่ยมเยือนสักครั้งในชีวิต เราเองก็ต่างจดจ่อรอคอยงานนี้กันทุกปี!
1. คุณแทบไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้ว คุณอยู่ที่ไหน?
ให้พูดจริงๆ ในฐานะคนที่ไปงาน Wonderfruit มาทุกปี สิ่งแรกที่เรารู้สึกคือการทำให้สถานที่จัดงานทั้งหมดนั้นกลายเป็นเหมือน ‘โลกใหม่’ ที่คุณไม่คุ้นเคย ไม่ใช่แค่สิ่งของ อาคาร และการตกแต่ง แต่ยังหมายถึงผู้คนมากมายที่ล้วนมาจากทุกสารทิศทั่วโลก นับเป็นงานที่มีความหลากหลายทั้งในแง่ผู้คนและบรรยากาศ เช่น บางทีคุณอาจจะกำลังอยู่ในบาร์ที่เต็มไปด้วยโคมไฟจีนประดับ แต่เดินเลยตรงนั้นไปอีกสักนิดคุณอาจพบว่าตัวเองกำลังนอนลงบนเบาะกลางสนามหญ้ากว้างๆ รับลมเย็นๆ หรือนอนลงเปลบนอาคารไม้ไผ่สาน อะไรก็เกิดขึ้นได้ในทุกตารางเมตรของ Wonderfruit!
2. ฟังดนตรีที่ไม่ใช่แค่เพลงฮิตติดชาร์ต
เราอาจคุ้นเคยกับเทศกาลดนตรีมากมายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ Wonderfruit คือการพาตัวเองไปเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ กับวงดนตรีหลากหลายแนว ตั้งแต่อิเล็กทรอนิกส์จัดๆ ดรัมแอนด์เบส หรือแม้กระทั่งความลูกทุ่งบ้านๆ ที่เราคุ้นเคย ต้องบอกว่าแต่ละเวทีมีมวลดนตรีที่แตกต่างกันไป ให้คุณได้เลือกเสพดนตรีที่ไม่เคยฟัง และสนุกไปกับมันได้อย่างไม่มีเหตุผล แนะนำว่าอย่าลืมแวะไป ‘Quarry’ หากคุณเป็นสายอิเล็กทรอนิกส์หนักๆ!
3. ชมศิลปะที่มาพร้อมความสร้างสรรค์
สิ่งที่ทำให้ Wonderfruit โดดเด่นคือ การจัดวางงานศิลปะมากมายไว้แต่ละจุดของงาน ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินมีชื่อ ที่ร่วมกันสร้างสรรค์มุมถ่ายรูป รวมไปถึงงานศิลปะชิ้นอื่นๆ ที่ยังสามารถดัดแปลงเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ซุ้มโครงไม้ที่ติดเปลไว้นอนพัก ทำให้คุณได้ค้นพบมุมมองใหม่ๆ ในงานได้เสมอ ลองเสิร์ชแฮชแท็ก #wonderfruit ในอินสตาแกรมดูสิ
4. มีมุมพักผ่อนที่จะชำระกายใจให้บริสุทธิ์
นี่เราไม่ได้พูดถึงพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่จะชำระบาปให้มนุษย์หรอกนะ แต่เรากำลังพูดถึง Wonder Garden โซนปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของผู้มาร่วมงาน ในโซนดังกล่าวคุณจะได้พบกับกิจกรรมน่าสนใจมากมาย เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ทั้งการจัดระเบียบพลังงานภายในร่างกายด้วยการกินอาหารตามศาสตร์อายุรเวท หรือศาสตร์การเรียนรู้พลังจากการเพ่งมองตา ปีนี้เราไม่อยากพลาดเลยคือ ‘Laughter Yoga’ หรือคลาสโยคะด้วยเสียงหัวเราะ – สงสัยจะต้องโยคะไปขำไปแล้วล่ะ!
5. สรรหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ จากผู้คนที่น่าสนใจ
หากให้บอกว่าเราชอบโซนไหนที่สุดใน Wonderfruit เราขอแนะนำโซน ‘Scratch Talks’ เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจ เพราะเป็นพื้นที่สำหรับเผยแพร่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความสร้างสรรค์ เต็มไปด้วยบทสนทนาที่ให้ข้อคิดน่าสนใจ อาทิ ‘สามพรานโมเดลและศูนย์เกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย’ โดย อรุษ นวราช หรือถ้าคุณอินกับเรื่องปริมาณขยะและพลาสติก ปีนี้เขามีการพูดคุยกันในหัวข้อ ‘การลดปริมาณขยะให้เป็นศูนย์และมลพิษของพลาสติก’ ด้วยนะ
6. ไร้ขยะ ไร้พลาสติก เพื่อโลกที่ดีกว่า
ถ้าหากคุณต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกในอุดมคติ ไร้ซึ่งขยะพลาสติก และใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ภายในงานคุณจะได้รับขวดน้ำรียูสเพื่อติดตัวไว้สำหรับเติมน้ำในจุดบริการน้ำดื่ม เพื่อลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้น ทั้งยังเป็นการร่วมกันตระหนักถึงไอเดียการลดขยะอีกด้วย นอกจากนี้ภายในงานยังมีการเปิดบาร์แบบ Zero Waste ใช้วัตถุดิบทุกส่วนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่เหลือทิ้ง มีเวิร์กช็อปสอนทำค็อกเทลจากวัตถุดิบอาหารเหลือทิ้งอีกด้วย
โค้งสุดท้ายของการจองบัตร หากคุณรู้สึกว่า Wonderfruit จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ต้องการไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต ตอนนี้ยังมีเวลา มาร่วมกันเฉลิมฉลองผ่านศิลปะ ดนตรี และไอเดียสร้างสรรค์ ที่ผสานแนวคิดด้านความยั่งยืนและสีสันของวัฒนธรรมอันหลากหลายด้วยกันที่งาน #Wonderfruit2018 ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 13-16 ธันวาคม 2561 ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา เต็มอิ่มกับประสบการณ์ครอบคลุมทั้ง 6 แขนง ได้แก่ ศิลปะและสถาปัตยกรรม ดนตรี ฟาร์มทูฟีสต์ ทอล์กและเวิร์กช็อป กิจกรรมเพื่อสุขภาพ และกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อครอบครัว อีกทั้งโปรแกรมความบันเทิงอีกคับคั่ง จองบัตรได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Wonderfruit
แล้วมาสนุกด้วยกันนะ!
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
