วันนี้ (9 กันยายน) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นคดีเหมืองทองอัคราว่า ที่มีการพูดว่ารัฐบาลแพ้คดีแล้วเสียเงิน 3 หมื่นล้านบาท แต่มันจะกี่พันล้าน กี่หมื่นล้าน กี่แสนล้านนั้นไม่ทราบ เพราะมันอยู่ที่โจทก์เขาเรียกร้อง ซึ่งเรื่องนี้คดีอยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการที่สิงคโปร์ ซึ่งกระบวนการยังไม่เสร็จ ยังไม่มีการจ่ายเงินค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว
และถึงแม้ใครจะชนะ เช่น เขาชนะก็ไม่รู้ว่าอนุญาโตตุลาการจะให้ชดใช้เท่าไร แต่ที่มีประเด็นขึ้นมาก็คือค่าทนายที่เราต้องใช้ในการฟ้องคดีเท่านั้น ซึ่งเป็นธรรมดาของคดีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายที่ต้องควักจ่ายกันทั้งสองฝ่าย บริษัทที่ฟ้องเขาก็ต้องจ่ายค่าทนาย รัฐบาลถูกฟ้องก็ต้องจ่ายค่าทนาย ค่าที่ปรึกษา ค่าพยาน ค่าเดินทาง เดิมเขาจะไปว่ากันที่ฮ่องกง แต่โควิด-19 ระบาดจึงย้ายมาที่สิงคโปร์
ทั้งนี้ก็เหมือนกับทุกคดี แต่สภาจะตัดค่าทนายหรือไม่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสภาจะพิจารณา ซึ่งรัฐบาลไม่มีสิทธิ์จะอุทธรณ์ฎีกา แต่ยืนยันว่ายังไม่มีการจ่ายเงิน ส่วนแนวโน้มว่าจะชนะหรือแพ้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งซึ่งไม่สมควรที่จะต้องมาพูดกันในเวลานี้
แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้แนะนำว่า ในระหว่างที่ยังไม่ชี้ขาดขอให้ไปเจรจากัน ทำให้ตอนนี้อยู่ในชั้นการเจรจา ซึ่งเหมือนกับหลายคดี เช่น บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส รัฐบาลฟิลิปปินส์ฟ้องเรา เราก็ต้องจ่ายค่าทนายไปสู้กับเขา และคดีวอเตอร์บราวน์ หรือคดีโทลเวย์ ซึ่งสุดท้ายเราจ่ายค่าทนายไปเยอะแต่ก็แพ้ ซึ่งก็จ่ายเขาไปเรียบร้อยเพราะคดีจบไปแล้ว
ด้าน พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์ถามว่า คำว่าเรานี่คือใคร เพราะ พล.อ. ประยุทธ์ ใช้คำสั่งมาตรา 44 ในช่วงรัฐบาลรัฐประหาร และถ้าไทยแพ้คดีพวกท่านยังอยู่ไหม แล้วประเทศชาติแพ้คดีใครจะรับผิดชอบ ยังต้องไปตามเอาจากทายาทพวกท่านหรือไม่
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า