×

‘การเมืองสร้างสรรค์และฉันทามติ’ วิถีของ ‘วินท์ สุธีรชัย’ รวมไทย ยูไนเต็ด

19.11.2021
  • LOADING...
วินท์ สุธีรชัย

HIGHLIGHTS

  • ‘วินท์ สุธีรชัย’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมัยแรก เขานิยามตัวเองว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ เป็นนักวางแผน
  • วิถีของวินท์คือการเลือกทำในเรื่องที่สังคมมีฉันทามติแล้ว เพราะการทำในสิ่งที่สังคมมีฉันทามติจะไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าและเป็นหนทางที่ดีที่สุด
  • เขาจึงเดินออกมาเพื่อเดินบนทางของตัวเอง เลือกใช้วิธีตั้งพรรคใหม่ที่ชื่อว่า ‘รวมไทย ยูไนเต็ด’

เรื่องทางการเมืองยังขึ้นอยู่กับกระแสและเสียงของประชาชน จึงต้องสร้าง ‘ฉันทามติ’ นี่คือไอเดียที่ ‘วินท์ สุธีรชัย’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บอกกับ THE STANDARD ในบ่ายวันที่เขาให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงการเดินทางครั้งใหม่ ที่ก้าวออกมาจากพรรคเดิม เพื่อก่อรูป สร้างตำแหน่งที่พรรคใหม่ ในชื่อ ‘รวมไทย ยูไนเต็ด’

 

วินท์บอกว่าเป้าหมายทางการเมืองหรือวิถีของการทำงานการเมืองของตนเอง คือการเลือกทำในเรื่องที่สังคมมีฉันทามติแล้ว เพราะการทำในสิ่งที่สังคมมีฉันทามติจะไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าและเป็นหนทางที่ดีที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกเดินออกมาเพื่อเดินบนทางของตัวเองด้วยการตั้งพรรคใหม่

 

วินท์ยังบอกว่า วันนี้ประเทศไทยต้องการคนที่มีแรง การทำการเมืองเป็นการประสานประโยชน์คนทุกกลุ่ม ทุกแนวคิด ทั้งเกษตรกร คนเมือง คนต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ เพื่อทำให้ประเทศดีขึ้น เป็นประเทศพัฒนาแล้ว นี่คือหน้าที่ของรวมไทย ยูไนเต็ด

วินท์ สุธีรชัย

 

รู้จัก ‘วินท์ สุธีรชัย’ ในนิยามของตัวเอง

 

‘วินท์ สุธีรชัย’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมัยแรก เขานิยามตัวเองว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ เป็นนักวางแผน ที่หากตั้งเป้าหมายไว้ตรงจุดๆ นี้แล้ว เขาจะมีวิธีการไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร และยังมองตัวเองเป็นนักเดินทางที่วางแผนโดยบาลานซ์ระหว่างความสุขในปัจจุบันกับอนาคต แล้วค่อยๆ เดินไปอยางมั่นใจว่ามันทำประโยชน์ให้กับประชาชน ให้กับชีวิตมากขึ้น คือได้ตอบโจทย์ความสุขของตัวเองที่ได้เปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น

 

วินท์ยังบอกอีกว่า ตัวเองได้ใช้ชีวิตทั้งในประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา และเดินทางไปกลับไทยโดยตลอด

 

วินท์บอกว่า คนของทั้งสองประเทศไม่ได้มีศักยภาพต่างกัน และสหรัฐอเมริกาเองก็รวมมาจากคนหลายชนเผ่า แต่จุดที่ต่างกันกับประเทศไทย คือสหรัฐอเมริกามีโอกาสให้กับคนเก่ง หากคุณเก่งคุณโตได้เลย

 

วินท์เรียนจบสาขา MIS หรือ Management Information System คือการเอาธุรกิจกับไอทีมาผสมกันให้ได้ประโยชน์มากขึ้น หนึ่งบวกหนึ่งให้มากกว่าสอง เมื่อจบมาจึงได้เข้าไปทำงานในวงการไอที ก่อนที่จะกลับเข้ามาทำธุรกิจเหล็กของครอบครัว

 

หลังจากเข้ามาจับธุรกิจของพ่อที่ทำไว้ วินท์เห็นว่าการสร้างธุรกิจใหม่จะโตได้ไวและไปได้ไกลกว่าด้วยตัวเราเอง จึงเปลี่ยนแปลงจากกิจการท่อเหล็กไปสู่ท่อยานยนต์ ภายใต้ทัศนคติของสังคมเวลานั้นว่า ธุรกิจท่อยานยนต์อยู่ในกลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นไม่กี่บริษัท และภายใต้กรอบความคิดว่าคนญี่ปุ่นซื้อขายแต่กับคนญี่ปุ่น คนไทยไม่มีสิทธิ์เข้าไปหรอก แต่วินท์ไม่เชื่อ เขามองว่าหลังจากได้ไปคุยกับเพื่อนฝูงคนญี่ปุ่น ก็ได้คำตอบว่า มันขึ้นอยู่กับการทำให้คนเชื่อถือได้หรือไม่ในคุณภาพ วินท์จึงทำให้มีประสิทธิภาพ และในที่สุดก็สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดนี้ได้

วินท์ สุธีรชัย

 

สู่สนามเลือกตั้ง สนามที่ต้องฟังเสียง ‘ฉันทามติ’ ประชาชน

 

วินท์เข้ามาสู่วงการการเมืองหลังจากอยู่ในจุดที่มองว่าตนเองประสบความสำเร็จในทางธุรกิจ เพื่อที่จะเข้ามาทำให้ประเทศดีขึ้น เขาเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาสู่สนามการเมืองก็ต่างอยากเห็นสังคมที่ดีขึ้น ประเทศที่ดีขึ้น แต่ก็เช่นเดียวกับทุกวงการ มีทั้งคนดี คนไม่ดี ก็อาจมีคนที่เข้ามาหาประโยชน์ของตัวเอง แต่ส่วนมากก็น่าจะอยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

 

แน่นอนว่าสำหรับเขามองว่าการเปลี่ยนแปลงในเวทีการเมืองอาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแบบวงการธุรกิจที่เขาสัมผัสมา ในกิจการเอกชน เวลาตัดสินใจจะทำอะไรทำได้ทันที แต่ในทางการเมืองมันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะยังขึ้นอยู่กับกระแสและเสียงของประชาชนที่ต้องรับฟังเสียงทุกด้าน ต้องฟังเสียงที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งยังต้องสร้าง ‘ฉันทามติ’ อีกด้วย

 

“หากมีเสียงเห็นด้วย 60 ไม่เห็นด้วย 40 แน่ล่ะว่ามันถูกต้องตามหลักเสียงข้างมาก หลักประชาธิปไตย แต่เสียงข้างน้อย 40 มันก็เยอะ มันก็จะยังผลักดันไม่ได้ ต้องสร้างให้เกิดฉันทามติก่อน เกิดเสียงส่วนใหญ่เด็ดขาด เช่น ไปถึง 80 ต่อ 20 มิฉะนั้นถ้ายังผลักดันไปต่อทั้งที่เป็น 60 ต่อ 40 ก็จะเกิดแรงต้าน ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายอย่างแท้จริง”

 

สำหรับวินท์ เรื่องใหญ่ๆ อย่างวัคซีนโควิด เรื่องแก้น้ำท่วม เรื่องยกเลิก ส.ว. ที่มาจากการสืบทอดอำนาจ นี่คือเรื่องใหญ่ๆ ที่สังคมมีฉันทามติแล้วว่าต้องทำ แต่ก็ยังมีบางเรื่อง เช่น การลงนาม FTA ที่ยังมีเสียงค้าน

 

วินท์ สุธีรชัย

 

ถอดบทเรียนการทำงานในสภา

 

วินท์เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานในกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร เขาบอกว่าได้รับรู้ ได้ให้คำแนะนำกับข้าราชการ ได้นำมุมมองของตัวเองเข้าไปเสนอแนะแลกเปลี่ยน 

 

การทำงานสภาในฐานะฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ก่อนมาสู่พรรคก้าวไกล วินท์บอกว่า เขายังเชื่อในการทำงานและในพรรคการเมืองที่ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ การเมืองที่มีเจ้านายเป็นประชาชน ทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ และการทำการเมืองอย่างยั่งยืน 

 

แต่วินท์ก็เห็นว่าวิถีของตนที่เลือกจะก้าวออกมา จะสามารถไปถึงเป้าหมายได้มากกว่าและไปได้จริง โดยวิถีของวินท์ก็คือการเลือกทำในเรื่องที่สังคมมีฉันทามติแล้ว การทำในสิ่งที่สังคมมีฉันทามติจะไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าและเป็นหนทางที่ดีที่สุด เขาจึงเดินออกมาเพื่อเดินบนทางของตัวเอง จึงเลือกใช้วิธีตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา

วินท์ สุธีรชัย

 

‘รวมไทย ยูไนเต็ด’ คือพื้นที่ฉันทามติของสังคม

 

เหตุที่ตั้งชื่อว่ากลุ่มรวมไทย ยูไนเต็ด เพราะต้องการสร้างพื้นที่ให้มีฉันทามติ และต้องการให้เป็นทีมเวิร์กเหมือนทีมฟุตบอล มีกองหน้า มีกองหลัง มีผู้รักษาประตู มีตัวสำรอง หากมีวันที่ถูกเตะตัดขา เราก็มีตัวสำรองมาทดแทน รวมถึงมีโค้ชที่มีประสบการณ์ และมีแฟนคลับที่เป็นสมาชิกพรรค เป็นประชาชนที่สนับสนุน ทีมฟุตบอลจึงสะท้อนภาพเหล่านี้ได้ทันที และเป็นทีมฟุตบอลที่บริหารแบบมืออาชีพ ที่จะนำประสบการณ์บริหารของตนจากที่เคยบริหารบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ มาบริหารเพื่อให้เป็นพรรคที่ทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ

 

วินท์เล่าว่า มีหลายเรื่องที่สังคมอยากเห็นหรือมีฉันทามติว่าต้องการให้เกิดขึ้นนั้น ขณะที่พรรคการเมืองพรรคอื่นๆ ก็เห็นตรงกัน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน แต่วินท์คิดว่าวิธีการบริหาร การทำพรรคที่จะทำให้ได้มาซึ่งคนเก่งคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเองเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เข้ามาร่วมงานกับพรรค จะเป็นแนวทางที่เป็นไปได้ที่จะแตกต่างจากพรรคอื่นๆ กลุ่มรวมไทย ยูไนเต็ด จึงไม่ใช่กลุ่มที่จะบริหารแบบปิดกั้นโอกาสคน

 

วินท์ยังระบุด้วยความมั่นใจ คนที่มีศักยภาพจะเข้ามาร่วมกับกลุ่มรวมไทย ยูไนเต็ด แน่นอน

วินท์ สุธีรชัย

 

วันนี้ประเทศไทยต้องการคนที่มีแรง

 

วินท์บอกว่า ผู้นำไทยวันนี้ล้าแล้ว เหมือนคนไม่มีแรงแล้ว ต้องมีคนใหม่ๆ นำวิธีการใหม่ๆ เข้ามาบริหารให้ประเทศเติบโต 

 

สำหรับการบริหารของผู้มีอำนาจในบ้านเรา วินท์มองว่าเป็นความต้องการจำกัดสิ่งใหม่ๆ ต่างๆ ไม่ให้โตเร็วเกินไป 

 

วินท์มองว่ารัฐเป็นผู้มีอำนาจคุมกติกา แต่ไม่ได้มีอำนาจไปกำหนดว่าควรให้อะไรโต ไม่ให้อะไรโต เราต้องเปิดเสรีมากขึ้น อย่างมิติเศรษฐกิจ มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยน มันมีอะไรที่ทำให้ธุรกิจบางตัวโตเร็ว อย่างเมื่อมีสตรีมมิงเข้ามา ธุรกิจวิดีโอ คาสเซตต์เทป ก็ต้องหายไป เราไปคุมไม่ได้หรอกว่าจะไม่ให้สตรีมมิงไม่โต หรือให้อะไรไม่หายไป แต่เราต้องทำให้เกิดการเปิดเสรี ให้มันโตได้มากที่สุด แล้วธุรกิจที่โตก็จะดึงเศรษฐกิจประเทศไทยให้ฟื้นตัวเร็วที่สุด

วินท์ สุธีรชัย

 

เป้าหมายสร้างพรรคใหญ่ ทำการเมืองระยะยาว

 

วินท์บอกว่าเป้าหมายของรวมไทย ยูไนเต็ด คือพรรคใหญ่ แต่จะไปถึงในวันไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สร้างทีม สร้างคน หาโค้ช จับนักเตะไปซ้อม เพื่อให้ฟอร์มของทีมดีที่สุด พร้อมที่สุดตลอดเวลา หากการเลือกตั้งครั้งหน้า ต่อให้ได้ไม่เยอะ เราก็สร้างทีมต่อ ซ้อมต่อ ไปสู่เป้าหมายพรรคใหญ่

 

วินท์เชื่อว่าการเมืองก็เหมือนฟุตบอล ถ้าทีมที่ได้ที่หนึ่งยิงประตูเข้าทั้งที่ฟอร์มแย่มาก แฟนคลับก็ไม่พอใจ เพราะอาจจะฟลุกยิงเข้า แต่ฟอร์มไม่ดีมันเห็นได้ชัดอยู่ กลับกันทีมที่ยิงไม่เข้า แต่ฟอร์มดี โค้ชดี แฟนคลับก็จะยังมั่นใจในทีมอยู่ ครั้งต่อๆ ไปก็ยังเชียร์อยู่ และจะมีคนเชียร์มากขึ้น ดังนั้นการทำการเมืองสร้างสรรค์ การเมืองที่มีส่วนร่วม และการเมืองระยะยาว จะยังเป็นเป้าหมายของกลุ่มรวมไทย ยูไนเต็ด การมีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ก็จะไม่ส่งผลให้ย่อท้อ และจะยังเดินหน้าต่อไป

 

วินท์ สุธีรชัย

 

การปะทะกับพลังคนรุ่นใหม่ ความเชื่อ ต้องผสานพลังผลักดันประเทศไทย 

 

วินท์บอกว่า เขาคือวัยกลางคน คนรุ่นพ่อ คนรุ่นอายุ 70-80 ปี เขาก็เข้าใจ แต่หมวกอีกใบเขาก็เข้าใจลูกวัย 9 ขวบ ที่เป็นลูกคนโต 

 

สำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น วินท์มองว่าเขาเข้าใจ ทุกคนอยากเห็นประเทศดีขึ้น แต่วิธีการอาจไม่เหมือนกัน คนยุครุ่นพ่อ แต่ละอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างช้า เวลาคนรุ่นพ่อตนมันเดินไปค่อนข้างช้า แต่เวลาของคนรุ่นใหม่มันเปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว 

 

โจทย์ของรวมไทย ยูไนเต็ด ต่อเรื่องนี้คือ จะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าคนรุ่นเก่าคิดเห็นอย่างไร และคนรุ่นเก่าจะเห็นว่าคนรุ่นใหม่คิดอย่างไร ซึ่งจุดแข็งของคนรุ่นใหม่คือหาข้อมูลเก่ง และการเช็กว่าข้อมูลถูกหรือผิด ค่อนข้างมีความสามารถและมีประสบการณ์เยอะ คนรุ่นใหม่กล้าแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอ กลับกัน คนรุ่นเก่าเองก็มีแท็กติก มีคอนเน็กชัน เครือข่าย ซึ่งก็เป็นไปตามบริบทของสังคมไทย มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าคนรุ่นใหม่ จะทำอย่างไรให้ผสานสองพลังมาผลักดันประเทศไทย นี่คือโจทย์ที่กลุ่มรวมไทย ยูไนเต็ด ต้องหาคำตอบและทำให้ได้

วินท์ สุธีรชัย

 

‘วินท์ สุธีรชัย’ คือคนประสานสร้างฉันทามติ

 

ตัวตนความเป็นนักธุรกิจเหล็กของวินท์ซึ่งมีกิจการโรงงาน ทำให้วินท์เจอมาตั้งแต่คนงานรายวัน คนขับสิบล้อ นักธุรกิจต่างประเทศ ไปจนถึงข้าราชการ หน่วยงานรัฐบาล จึงเป็นการทำงานแบบที่ต้องประสานกับคนทุกกลุ่ม ขณะที่การทำธุรกิจก็คือการนำภาษีมาจ่ายเป็นรายรับให้ประเทศ เพื่อให้ประเทศโตมากขึ้น นี่คือตัวตนของวินท์มาเกือบ 20 ปี

 

ขณะที่การทำงานการเมือง เขามองว่าเป็นการประสานประโยชน์คนทุกกลุ่ม ทุกแนวคิด ทั้งเกษตรกร คนเมือง คนต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ เพื่อทำให้ประเทศดีขึ้น เป็นประเทศพัฒนาแล้ว นี่คือหน้าที่ของรวมไทย ยูไนเต็ด ที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising