×

“ผมจากไป แต่ต้นไม้ยังอยู่” สิ้นดาบวิชัย คนบ้าปลูกต้นไม้ ในวัย 77 ปี

โดย THE STANDARD TEAM
27.11.2023
  • LOADING...
วิชัย สุริยุทธ

วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ต. วิชัย สุริยุทธ หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ‘ดาบวิชัย’ จากการที่เขาเป็นผู้ปลูกต้นไม้มากกว่า 3 ล้านต้นในอำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ จนทำให้อำเภอปรางค์กู่ อำเภอที่เคยขึ้นชื่อว่าแห้งแล้งที่สุดแห่งหนึ่ง กลายเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

เพจมติชนออนไลน์รายงานว่า กฤษฎาวัลย์ สุริยุทธ บุตรสาวคนโตของดาบวิชัย เปิดเผยว่า คุณพ่อป่วยครั้งแรกด้วยโรคความดัน เบาหวาน และโรคไต ซึ่งต้องฟอกไตตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา จากนั้นก็ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในหัวใจตีบ ต้องทำบายพาส ก่อนที่เส้นเลือดในสมองตีบทำให้เป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษนานกว่า 3 เดือน 

 

จากนั้นก็ได้นำกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน ขณะนั้นอาการของคุณพ่อก็เริ่มดีขึ้น เริ่มรับคำสั่งต่างๆ ได้ แต่ต่อมาเป็นแผลกดทับ ทำให้มีไข้และมีอาการอาเจียน จึงได้รีบพาคุณพ่อไปที่โรงพยาบาลปรางค์กู่ จากนั้นโรงพยาบาลปรางค์กู่ได้ส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ โดยไปอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน จนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุที่เสียชีวิตเนื่องจากเป็นแผลกดทับ

 

เตรียมฌาปนกิจ 5 ธันวาคม 2566

 

กฤษฎาวัลย์กล่าวว่า ขณะนี้ร่างของดาบวิชัยยังอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ โดยในเวลา 09.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (28 พฤศจิกายน) จะไปรับศพเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน ที่ตำบลพิมาย อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของตน โดยจะมีพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก ก่อนจะประกอบพิธีฌาปนกิจในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ที่วัดศรีปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ 

 

เพจปลูกต้นไม้ไว้อาลัย

 

ขณะที่เฟซบุ๊ก ‘ปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ’ ของพระไพศาล วิสาโล ประธานกรรมการมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ ได้โพสต์ข้อความแสดงการไว้อาลัยดาบวิชัย ระบุว่า
ขอไว้อาลัยแด่ พ่อดาบวิชัย-ร.ต.ต. วิชัย สุริยุทธ
‘คนบ้าปลูกต้นไม้’ ที่พวกเรารู้จักกันดี
ตลอดชีวิตของท่านได้ปลูกต้นไม้มากกว่า 3 ล้านต้น และเป็นแรงบันดาลใจให้คนบ้าปลูกต้นไม้รุ่นต่อๆ มาแม้จนวินาทีสุดท้าย

 

ปิดตำนานคนบ้าปลูกต้นไม้ในวัย 77 ปี 

 

ดาบวิชัยเกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2489 ในพื้นที่อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนทั้งหมด 6 คน บิดา-มารดามีอาชีพชาวนา ฐานะทางบ้านยากจน ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มารดาก็เสียชีวิต บิดาต้องทำนาคนเดียว จึงต้องรับจ้างทำงานสารพัด กระทั่งได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย 

 

หลังจบโรงเรียนพลตำรวจ 3 จังหวัดนครราชสีมา ในปี 2511 ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจประจำ สภ.เมืองศรีสะเกษ ต่อมาในปี 2513 ย้ายมาประจำอยู่ที่ สภ.ปรางค์กู่ กระทั่งในปี 2548 ได้รับพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษเป็น ‘ร้อยตำรวจตรี’ จากการอุทิศตนต่อประเทศชาติ จนเกษียณอายุราชการในปี 2549 ขณะดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปรางค์กู่

 

เมื่อปี 2530 จากข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยระบุว่า อำเภอปรางค์กู่เป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดในจังหวัดศรีสะเกษ ดาบวิชัยในฐานะผู้เติบโตมาในพื้นที่และเจ้าพนักงานสอบสวนรับรู้ถึงปัญหามาตลอด จึงเกิดความคิดที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ให้ดีขึ้น ทำให้เขาตัดสินใจปลูกต้นไม้ เนื่องจากเห็นว่าจะผลที่ตามมาจะเป็นผลที่ยั่งยืน เป็นประโยชน์ไปถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลาน 

 

ตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา ทุกเช้าและหลังเลิกงานดาบวิชัยจะขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนปลูกต้นไม้ไปตามพื้นที่ต่างๆ ในอำเภอปรางค์กู่ โดยในระยะแรกเขาถูกมองว่าเป็นคนบ้า แม้ว่าจะถูกสังคมมองไปในทางเช่นนั้น แต่เขาก็ยังคงปลูกต้นไม้อยู่เรื่อยไป

 

ปี 2541 เป็นต้นมา สังคมเริ่มเห็นผลจากการปลูกต้นไม้ของเขา เกิดโครงการปลูกต้นไม้ในที่สาธารณะเพื่อส่วนรวมเกิดขึ้น และรณรงค์ให้เปลี่ยนการทำนาปีเป็นไร่นาสวนผสม จนอำเภอปรางค์กู่กลายเป็นอำเภอที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งต้นไม้ที่เขาปลูกสามารถสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านในอำเภอได้ด้วย

 

ปี 2543 ประชาคมอำเภอปรางค์กู่ทั้ง 10 ตำบล ได้พร้อมใจกันลงมติให้ใช้โครงการรณรงค์ดังกล่าวเป็นคำขวัญของอำเภอปรางค์กู่ที่ว่า ‘ปรางค์กู่อยู่ในป่ายางกลางดงตาล บานสะพรั่งดอกคูน บริบูรณ์ไร่นาสวนผสม’

 

ปลูกไปเรื่อยๆ ปลูกจนกว่าจะตาย…

 

ในปี 2526 หมวดวิชัยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) ซึ่งหมวดวิชัยมักจะกล่าวเสมอว่า “…ผมว่าโลกของวัตถุเป็นสิ่งสมมติทั้งนั้นแหละครับ ความสุขที่แท้จริงก็อยู่กับธรรมชาติและรู้จักเคารพธรรมชาติ ต้นไม้นี่ผมจะต้องปลูก ปลูกไปเรื่อยๆ ปลูกจนกว่าจะตาย…” 

 

และอีกหนึ่งคำที่มักจะได้ยินดาบวิชัยพูดเสมอว่า “ผมจากไป แต่ต้นไม้ยังอยู่” 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising