ดร.โสมญา สวามินาธาน (Soumya Swaminathan) หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกโรงเตือนนานาประเทศทั่วโลกว่า ไม่ควรฉีดวัคซีนโควิดที่ผสมสูตรให้กับประชาชน เนื่องจากจะเป็นการก่อให้เกิด ‘กระแส (เทรนด์) อันตราย’ เพราะยังไม่มีข้อมูลรองรับเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพในการดำเนินการดังกล่าว
โดย ดร.โสมญา กล่าวว่า การให้พลเรือนมีโอกาสที่จะเลือกได้ว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 หรือ 3 หรือ 4 ได้เมื่อใดและจะใช้วัคซีนของผู้ผลิตรายใด จะกลายเป็นความเสี่ยงทำให้สถานการณ์ในบางประเทศกลายเป็นความวุ่นวายมากขึ้นได้
หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ WHO ย้ำว่า สิ่งสำคัญในเวลานี้คือต้องให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะจากรายงานอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่ส่งมาจากทั่วโลก รวมถึงสายพันธุ์เดลตาที่ทำให้การระบาดรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังมีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้จริง แต่วัคซีนก็ป้องกันร่างกายของคนที่ฉีดไม่ให้รับความเสียหายจากอาการเจ็บป่วยรุนแรง และส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่มีอาการใดๆ เลย เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากจะไม่ได้แสดงอาการใดๆ เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ผลการศึกษาวิจัยบางฉบับในเบื้องต้นยังพบอีกว่า ไวรัสในร่างกายของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังเกิดขึ้นได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการฉีด ซึ่งหมายความว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นพาหะนำไวรัสไปติดยังคนอื่นๆ เพราะฉะนั้น การฉีดวัคซีนจึงมีผลต่อการลดความเสี่ยงและลดอัตราการแพร่ระบาดได้
ตัวแทนจากองค์กรอนามัยโลกยังเปิดเผยอีกว่า หากพิจารณาจากข้อมูลของทางการสหรัฐฯ พบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในที่สุด ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ดร.โสมญา ยังคงเตือนว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนยังมีโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัสอยู่ ดังนั้น WHO จึงยังคงกระตุ้นให้ผู้คนสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด
ด้าน ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ยังได้กล่าวกระตุ้นให้รัฐบาลทั่วโลกเห็นความสำคัญและความจำเป็นของการเร่งกระจายการฉีดวัคซีน ในระหว่างการแถลงข่าวรายวันที่นครเจนีวา โดยระบุ ข้อมูลในปัจจุบันยืนยันได้ว่าการฉีดวัคซีนจนครบโดสสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่จะต้านอาการป่วยจากเชื้อไวรัสโควิดที่รุนแรงและถึงแก่ชีวิตให้กับตัวผู้รับไปได้อีกนาน ดังนั้น ความจำเป็นเร่งด่วนในเวลานี้ต้องเป็นการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดแม้แต่เข็มเดียวมากกว่า
ข้อมูลและคำเตือนจากองค์การอนามัยโลกล่าสุดนี้มีขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิดในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศที่พบอัตราการแพร่ระบาดรุนแรงและมีผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลจนเผชิญกับวิกฤตสาธารณสุขล้วนเป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ หรือยังคงขาดแคลนปริมาณวัคซีนที่เพียงพอต่อประชากรในประเทศ
องค์การอนามัยโลกยังใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยทั้งหลายบริจาควัคซีนโควิดให้กับประเทศยากจนก่อน แทนที่จะเดินหน้าทำการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ซึ่งยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าจำเป็นในเวลานี้ โดย WHO พบว่า ตัวเลขผู้ป่วยโควิดจากทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็กลับมาเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งหลังลดลงตลอด 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้สถานการณ์ไวรัสโควิดเลวร้ายลงก็คือไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่ WHO พบว่ามีการระบาดแล้วในพื้นที่กว่า 104 ประเทศทั่วโลก
อ้างอิง: