“ต้องเอาด้านไหนออกเหรอครับ”
จำได้ว่าตอนผมเป็นนิสิตแพทย์ เพิ่งขึ้นเรียนชั้นคลินิก (เรียนปฏิบัติในโรงพยาบาล) ในหอผู้ป่วยอายุรกรรมเป็นครั้งแรก ผมหยิบหน้ากากอนามัยจากกล่องขึ้นมาแล้วถามรุ่นพี่ด้วยความไม่รู้ว่าวิธีการสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้องเขาใส่กันอย่างไร ไม่ต่างจากคนทั่วไปที่เพิ่งหันมาให้ความสนใจกับ ‘หน้ากากอนามัย’ มากขึ้นในช่วง 1-2 ปีมานี้ที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5
ถึงตอนนี้ความตื่นตระหนกต่อโรคโควิด-19 ที่ระบาดจากประเทศจีนออกไปทั่วโลกทำให้ทุกคนต้องหาหน้ากากอนามัยมาสวมป้องกันเชื้อโรคจนขาดตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว (ถึงแม้กระทรวงพาณิชย์จะยืนยันว่าไม่ขาดตลาด แต่ในฐานะประชาชน ผมก็ไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้เหมือนช่วงก่อนหน้านี้) คำถามในสังคมจึงได้พัฒนาขึ้นจาก ‘วิธีการใส่‘ (ทุกคนใส่ถูกวิธีแล้ว) มาสู่ ‘ความจำเป็น’ ว่าใครที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยบ้าง
คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
สำหรับการระบาดของโรคโควิด-19 องค์การอนามัยโลกได้ออกคําแนะนําการสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์สําหรับชุมชน (ในเคหะสถานและสถานบริการสุขภาพ) ในบริบทของช่วงการเกิดการระบาดของโรคโควิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 และได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ซึ่งโดยสรุปสำหรับประชาชนทั่วไปมีประเด็นที่สำคัญ 5 ข้อ ดังนี้
1. หน้ากากอนามัยอย่างเดียวไม่พอ หน้ากากอนามัยสามารถป้องกันการระบาดของเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ รวมถึงเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่การสวมหน้ากากอนามัยเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จะต้องมีสุขอนามัยอื่นที่ดีด้วย โดยเฉพาะการล้างมือ (เพราะเชื้อติดต่อผ่านการหายใจและการสัมผัส นึกภาพว่าเราสวมหน้ากากอนามัย แต่เราก็ยังจับใบหน้าบ่อยๆ ด้วยมือที่ไม่สะอาด ก็จะทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายอยู่ดี)
2. ผู้ที่ไม่มีอาการป่วย ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพราะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าสามารถป้องกันโรคในผู้ที่ยังไม่มีอาการได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตรจากผู้ที่มีอาการไอหรือจามแทน และที่สำคัญคือการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ (WHO ไม่ได้ระบุความเข้มข้น แต่ความเข้มข้น 62-71% สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาได้) หรือน้ำสะอาดร่วมกับสบู่
3. มีไข้ ไอ จาม ต้องใส่ ผู้ที่มีอาการป่วยต้องสวมหน้ากากอนามัย และถ้ามีอาการไข้ ไอ และหายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด (เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ขับรถไปส่งและผู้ป่วยคนอื่นที่โรงพยาบาล) ส่วนญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัยถ้าต้องอยู่ร่วมห้องกับผู้ป่วย ทิ้งของใช้ต่างๆ หลังจากใช้งาน และล้างมือทันทีหลังจากสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ
4. ไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากผ้า หน้ากากผ้า เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าตาข่าย ไม่แนะนำให้ใช้
5. สวมให้ถูก ปิดปากและจมูกให้กระชับ การสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้องคือการสวมหน้ากากให้คลุมปิดปากและจมูก รัดหน้ากากให้กระชับ (โดยเฉพาะลวดบริเวณสันจมูก) เพื่อลดช่องว่างระหว่างใบหน้ากับหน้ากาก
เมื่อสวมแล้วให้หลีกเลี่ยงการจับตัวหน้ากาก เวลาถอดห้ามจับบริเวณด้านหน้าของหน้ากาก แต่ให้จับสายคล้องหูแทน ล้างมือให้สะอาดหลังจากถอดแล้ว ไม่ควรใช้หน้ากากซ้ำ และเปลี่ยนทันทีที่รู้สึกว่าหน้ากากเริ่มชื้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการป่วย องค์การอนามัยโลกระบุว่าอาจจะมีการสวมใส่ในบางประเทศ ขึ้นอยู่กับบริบททางวัฒนธรรมในประเทศนั้น ซึ่งสังเกตว่าที่ผ่านมาคนจีนมีความตื่นตัวในการสวมหน้ากากอนามัยมาก ทั้งที่อยู่ในประเทศจีนเอง และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวประเทศไทย (ครอบครัวนักท่องเที่ยวจีนที่ผมเคยสอบสวนโรคก็สวมหน้ากากอนามัยเวลาออกมาเที่ยวข้างนอกทุกครั้ง เพราะกลัวจะติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวคนอื่น)
คำแนะนำในประเทศไทย
กรมควบคุมโรคเคยออกคำแนะนำการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 (บังเอิญเป็นวันเดียวกันกับขององค์การอนามัยโลก) แต่พูดถึงเฉพาะ ‘วิธีการ’ สวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น ไม่ได้กำหนดว่าใครจะควรสวมหรือไม่ควรสวมหน้ากากบ้าง
ทว่าต่อมาวันที่ 30 มกราคม 2563 ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคประจำวัน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ได้แนะนำประชาชนว่า
“…กระทรวงสาธารณสุขจึงขอแนะนำให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจสามารถใช้หน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าเป็นทางเลือกนำมาใช้ทดแทนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคได้เช่นเดียวกัน และสามารถซักทำความสะอาดเพื่อนำมาใช้ซ้ำได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เหมาะกับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ…”
ซึ่งการแนะนำให้ประชาชนใช้ ‘หน้ากากผ้า’ นี้ไม่สอดคล้องกับคำแนะนำของ WHO และมีงานวิจัยเปรียบเทียบการใช้หน้ากากอนามัยใน ‘บุคลากรทางการแพทย์’ ที่ประเทศเวียดนามพบว่ากลุ่มที่ใช้หน้ากากผ้ามีการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจมากกว่าการใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์และยังมากกว่าการป้องกันตัวตามปกติเสียอีกทั้งนี้อาจเป็นเพราะหน้ากากผ้าไม่กันน้ำ มีอัตราการกรองต่ำ และในโรงพยาบาลมีโอกาสได้รับเชื้อสูง
ต่อมาวันที่ 3 มี.ค. มีสมาคมแพทย์เฉพาะทาง 2 สมาคมที่ออกมาให้คำแนะนำประชาชน เนื่องจากปัญหาความขาดแคลนหน้ากากอนามัย ทั้งในระดับโรงพยาบาล และระดับชุมชน
โดยหน่วยงานแรกเป็นสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (แพทย์โรคปอด) แนะนำให้ 7 กลุ่มต่อไปนี้สวมใส่หน้ากากอนามัย
- ผู้มีอาการไข้หวัด
- ผู้มีประวัติเดินทางไปสถานที่เสี่ยงหรือใกล้ชิดผู้ที่เสี่ยง
- ผู้ดูแล
- ผู้ที่อยู่ในพื้นที่แออัด เช่น รถสาธารณะ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์
- ผู้ไปโรงพยาบาล
- พนักงานขับรถสาธารณะหรือให้บริการอื่นที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก
- บุคลากรทางการแพทย์
ส่วนกรณีอื่นเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเอง หากมีหน้ากากอนามัยเพียงพอ
ในขณะที่หน่วยงานที่สองเป็นสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย แนะนำว่าสำหรับคนทั่วไปที่สบายดี การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาในที่สาธารณะไม่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และให้ 4 กลุ่มต่อไปนี้สวมใส่หน้ากากอนามัย
- ผู้ป่วยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
- ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจใกล้ชิด
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วย
- ผู้ที่เข้าไปในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี
นอกจากนี้สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยยังแนะนำว่าหน้ากากผ้าไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ และแพทย์ทั้งสองสมาคมยังมีความเห็นตรงกันว่าหน่วยงานของรัฐจะต้องจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์อย่างเพียงพอก่อน และจัดหาให้ประชาชนทั่วไปใช้งานเท่าที่จำเป็น ซึ่งปัญหาความขาดแคลนในขณะนี้ทำให้ผู้ที่ ‘จำเป็นต้องใช้’ ไม่มีหน้ากากอนามัยใช้ และการควบคุมโรคจะยากยิ่งขึ้น
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) นพ. บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัยได้กล่าวในการแถลงข่าวสถานการณ์การโรคประจำวันว่า ‘หน้ากากผ้า’ เป็นทางเลือกของคนไม่ป่วยที่จะไปใน ‘พื้นที่แออัด’ โดยหน้ากากผ้ามีประสิทธิภาพ 54-59% ซึ่ง “เพียงพอสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าไปในที่ชุมชน” จึงแนะนำให้คนทั่วไปมีหน้ากากผ้าไว้ใช้คนละ 3 ชิ้น คือ สวม สำรอง ซัก เพื่อแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ขาดแคลน
ส่วน นพ. สมฤกษ์ จึงสมาน รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า ช่องว่างระหว่างเส้นใยของหน้ากากผ้าซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน สามารถกรองละอองฝอยจากการไอจามได้ แต่เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของหน้ากากผ้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะทดสอบว่าผ้าชนิดใดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. การกรองอนุภาคขนาดใหญ่ (3 ไมครอน) 2. การกรองอนุภาคขนาดเล็ก เช่น เชื้อโรค (0.1 ไมครอน) และ 3. การกันน้ำ
‘ใครที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยบ้าง’ ผมพอจะสรุปคำแนะนำภายใต้ความจำกัดของหน้ากากอนามัยในขณะนี้ได้ 3 ข้อคือ
- ผู้ที่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยควรมีหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ใช้อย่างเพียงพอ
- กลุ่มที่ควรสวมหน้ากากอนามัย ได้แก่ ผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาดในระหว่างที่ต้องสังเกตอาการ 14 วัน, บุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยใกล้ชิด และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เช่น พนักงานขับรถสาธารณะ หรือผู้ที่ต้องเข้าไปในพื้นที่แออัด
- ผู้ใช้หน้ากากอนามัยควรสวมและถอดหน้ากากอย่างถูกวิธีร่วมกับการล้างมือบ่อยๆ ด้วย
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถหาหน้ากากอนามัยใช้ได้ก็ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนแออัดหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก หากจำเป็นควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นประมาณ 1-2 เมตร และล้างมือให้บ่อยครั้งเช่นกันครับ
สำหรับหน้ากากผ้า เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยประสิทธิภาพการป้องกันโรคในคนทั่วไป ถ้าหากจำเป็นต้องใส่ (สวมแทนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ในกรณีที่ต้องเข้าไปในพื้นที่แออัด) ควรเปลี่ยนหน้ากากเมื่อรู้สึกชื้น และทำความสะอาดหน้ากากทุกวันครับ
เกาะติดสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ที่ thestandard.co/coronavirus-coverage
และอัปเดตทุกความเคลื่อนไหวของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ที่ www.facebook.com/thestandardth
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- คำแนะนำเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยขององค์การอนามัยโลก https://www.who.int/publications-detail/advice-on-the-use-of-masks-in-the-community-during-home-care-and-in-healthcare-settings-in-the-context-of-the-novel-coronavirus-(2019-ncov)-outbreak (ภาษาอังกฤษ) https://www.who.int/docs/default-source/searo/thailand/advice-on-the-use-of-masks-thai-final1e13d6b2e98a4b568c02c288922173a8.pdf?sfvrsn=35999d4c_0&fbclid=IwAR0-vSVj_MhE1IXUxUm-x1_X0excFYgQYiHy-tAjSpYxdhCkIUO0lFGl6Gg (ภาษาไทย)
- คำแนะนำเกี่ยวกับการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลของ CDC https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/infection-control/control-recommendations.html
- คำแนะนำเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัยของกรมควบคุมโรค https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/introduction/introduction11.pdf
- การแถลงข่าวเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยของกรมควบคุมโรค matichon.co.th/local/quality-life/news_1932044
- คำแนะนำเรื่องการใช้หน้ากากเพื่อป้องกันการติดต่อโควิด-19 ของสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ https://www.thoracicsocietythai.org/2020/03/03/using-mask-covid-19/?fbclid=IwAR0L95Xd9Zyhf4S4UeUMXHvomRvf4kmy9YNg7ZeXpgE4vuhD5Il9EIdaqTU
- คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัยสำหรับประชาชนทั่วไปของสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย https://www.idthai.org/Contents/Views/?d=YzA1!8!4!!643!dKEBJoNq
- คำแนะนำสำหรับประชาชนและครอบครัวที่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1415
- A cluster randomised trial of cloth masks compared with medical masks in healthcare workers https://bmjopen.bmj.com/content/5/4/e006577