ภาพการปรากฏตัวของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และการได้โอกาสทักทายกับ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน รวมถึงการให้ข่าวในทำนอง ‘มั่นใจ’ และพร้อมที่จะปรับข้อเสนอเพิ่มของฝ่าย ชีค จัสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี ในฐานะตัวแทนจากกาตาร์ ที่จะยื่นขอเทกโอเวอร์ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชวนให้เชื่อว่าการเจรจาจะเดินหน้าไปอย่างราบรื่น
แต่แล้วเมื่อถึงเส้นตายที่ทาง Raine Group ธนาคารจากนิวยอร์กที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัวเกลเซอร์ในการดำเนินการหาผู้ที่สนใจจะซื้อสโมสรอันดับหนึ่งของอังกฤษ เมื่อเวลา 21.00 น. ของคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 มีนาคม) กลับไม่มีใครที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาแต่อย่างใด
เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลสงสัยโดยเฉพาะในหมู่แฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ ที่จับตาข่าวการเทกโอเวอร์ครั้งนี้อย่างใกล้ชิดด้วยหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเจ้าของสโมสรใหม่ หลังครอบครัวเกลเซอร์ครองสโมสรมายาวนานตั้งแต่ปี 2005 โดยที่แทบไม่เกิดการพัฒนาหรือประสบความสำเร็จเหมือนในอดีต
การไม่มีข้อเสนอแบบนี้หมายถึงดีลจะล่มหรือไม่?
คำตอบคือ ‘ไม่’ โดยสำนักข่าวในอังกฤษ The Times และ Telegraph ยืนยันตรงกันว่า การที่ไม่มีข้อเสนอเข้ามานั้นแม้จะเป็นเรื่องที่ฟังดูน่าตกใจ แต่ในหลังฉากแล้วมีการ ‘ตกลง’ กันแล้วระหว่างผู้ที่จะยื่นข้อเสนออย่างแรตคลิฟฟ์ และฝ่าย ชีค จัสซิม กับทาง Raine เพื่อขอ ‘ยืดเวลา’ ในการยื่นข้อเสนอออกไป หลังมีการแจ้งล่วงหน้าไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนเส้นตาย
โดย ‘คำมั่น’ ที่ให้กันคือ ถึงจะขอยืดเส้นตายออกไปก่อน แต่จะมีการยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างแน่นอน ทั้งทางฝ่ายของแรตคลิฟฟ์ในนามของ INEOS บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ และฝ่ายกาตาร์ที่ยืนยันว่าจะมีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการเข้ามาภายในวันนี้ (23 มีนาคม)
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกลุ่มที่ทำการยื่นข้อเสนอเชื่อว่าแรตคลิฟฟ์พร้อมที่จะสู้กับข้อเสนอจากกาตาร์ แต่จะไม่ยื่นข้อเสนอในจำนวนเงินที่ ‘ไร้สาระ’ ในความหมายคือจะไม่จ่ายแพงจนเกินกว่าที่ควรจะลงทุนเป็นอันขาด แม้ว่านี่จะเป็นทีมที่รักและติดตามเชียร์มาตั้งแต่เด็ก
ในขณะที่ ชีค จัสซิม ประธานธนาคารอิสลามกาตาร์ (Qatar Islamic Bank) ให้สัมภาษณ์ว่า ‘มั่นใจมาก’ ว่าข้อเสนอจากฝ่ายเขาเป็นข้อเสนอที่โดดเด่นกว่าเจ้าอื่น
ทั้งนี้ เชื่อว่าข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านปอนด์ ซึ่งจะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมกีฬาที่มีราคาแพงที่สุดในโลกแซงหน้าเดนเวอร์ บรองโกส์ แฟรนไชส์ (ทีม) อเมริกันฟุตบอลที่มีการซื้อขายกันในมูลค่า 3.8 พันล้านปอนด์ แม้ว่าครอบครัวเกลเซอร์จะตั้งความหวังว่าจะได้รับข้อเสนอที่สูงกว่า 6 พันล้านปอนด์
อย่างไรก็ดีจุดที่น่าสนใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือ
- เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ และ ชีค จัสซิม เชื่อว่าพวกเขาเป็นเพียงสองแคนดิเดตที่คาดว่าจะยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง
- ไม่มีข้อเสนอจากกลุ่มทุนอื่นไม่ว่าจะจากสหรัฐอเมริกา เอเชีย หรือซาอุดีอาระเบีย อย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
- การที่ไม่มีกลุ่มอื่นร่วมยื่นข้อเสนอด้วยทำให้ไม่เกิดการแข่งขันด้านราคากัน และทำให้สุดท้ายแล้วหากเกิดการเทกโอเวอร์ขึ้นจริง สนนราคาก็อาจจะไม่ได้อย่างที่ครอบครัวเกลเซอร์คาดหวังที่ 6 พันล้านปอนด์
คำถามคือหากข้อเสนอไม่ถึงตามที่ตั้งใจไว้ ครอบครัวเกลเซอร์จะยอมรับข้อเสนอนี้หรือไม่?
ตามรายงานจาก Telegraph ระบุว่า ในกลุ่มลูกๆ ของ มัลคอล์ม เกลเซอร์ อดีตเจ้าของสโมสรผู้ล่วงลับเองก็มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน
โดย 4 จาก 6 คนคือ เควิน, เอ็ดเวิร์ด, ไบรตัน และดาร์ซี เกลเซอร์ พร้อมที่จะขายแมนฯ ยูไนเต็ดออกไปในสนนราคาที่เหมาะสม ซึ่งหมายถึงหากเป็นข้อเสนอ 5 พันล้านปอนด์ก็เป็นข้อเสนอที่ยอมรับได้
แต่ โจเอล และ อัฟราม เกลเซอร์ สองพี่น้องที่เป็นประธานสโมสรร่วมกัน และเป็นผู้ที่รับช่วงดูแลกิจการสโมสรมาตลอดมากกว่าพี่น้องอีก 4 คน ยืนกรานที่จะยอมรับข้อเสนอในตัวเลขที่ตั้งใจเท่านั้นคือ 6 พันล้านปอนด์
หากไม่ได้ตามนี้ก็ไม่รับ แต่ในทางเดียวกันก็เปิดช่องสำหรับการขายหุ้นออกไปบางส่วน หรือเปิดรับกลุ่มที่สนใจจะร่วมทุนเป็นรายย่อย
อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญก่อนหน้าจะคิดถึงว่าเกลเซอร์จะรับหรือไม่รับข้อเสนอ คือการรอให้มีข้อเสนอเข้ามาจริงๆ ก่อน ซึ่งคาดว่าแรตคลิฟฟ์ และ ชีค จัสซิม จะยื่นข้อเสนอเข้ามาตามที่มีการรับปากกันไว้ โดยการที่ไม่ยื่นข้อเสนอภายในเส้นตายนั้นอาจเป็นแค่ ‘เกม’ เล็กๆ น้อยๆ ของการเจรจา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าส่งผลต่อบรรยากาศในการเจรจาอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนๆ ที่ตามลุ้นว่าจะต้องเห็นเกลเซอร์เป็นเจ้าของสโมสรต่อหรือไม่ หรือถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงการบริหารสโมสรไปสู่กลุ่มที่น่าจะดีกว่า
เรื่องนี้จึงต้องขอให้มีข้อเสนอเข้ามาถึง แล้วจึงจะถึงช่วงนาทีวัดใจ
ขายหรือไม่ อยู่ที่ครอบครัวเกลเซอร์เลย
อ้างอิง: