การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท สำหรับช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2570)
จากเป้าหมายดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจภายในพื้นที่ EEC มีแนวโน้มจะขยายตัวได้ราว 7-9% ต่อปี หนุนจากเม็ดเงินลงทุนที่จะไหลเข้ามาประมาณ 4-5 แสนล้านบาทต่อปี ด้วยแนวโน้มเชิงบวกดังกล่าวทำให้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) ซึ่งลงทุนในทรัพย์สินโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group มีโอกาสที่จะได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาดังกล่าว
ปัจจุบันทรัพย์สินภายใต้การบริหารของ WHAIR ทั้งโรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ EEC ราว 90% ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ภาครัฐได้กำหนดสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนชาวไทยหรือต่างชาติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่จะเป็น New S-Curve ของประเทศไทย
เพื่อคว้าโอกาสและเตรียมพร้อมรับการขยายตัวของพื้นที่ EEC ทำให้ WHAIR ตัดสินใจที่จะระดมทุนรอบใหม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 ของกองทรัสต์ ผ่านการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมไม่เกิน 109.5 ล้านหน่วย [CC3]
เงินลงทุนที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปลงทุนในสิทธิการเช่าในอาคารโรงงานสำเร็จรูป (Ready Built Factory) และคลังสินค้าสำเร็จรูป (Ready Built Warehouse) ระยะเวลา 30 ปี และสิทธิ์ในการต่ออายุสัญญาเช่าทรัพย์สินอีก 30 ปี จำนวนทั้งหมด 14 หลัง จาก 7 โครงการ พื้นที่รวม 48,186 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 1,345.89 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้กองทรัสต์มีมูลค่าทรัพย์สินรวมเพิ่มเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 428,818 ตารางเมตร
สำหรับโครงการใหม่ที่จะเข้าลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ ได้แก่
- โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1
- โครงการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง)
- โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1
- โครงการนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์
- โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 1
- โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 2
- โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 4
ภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ WHAIR ประมาณการว่า ผลตอบแทนต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.64 บาท อ้างอิงจากงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติ สำหรับปีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2566 สอบทานโดยผู้สอบบัญชี หากคิดบนราคาสูงสุดที่เสนอขายหน่วยทรัสต์เท่ากับ 7.20 บาทต่อหน่วย คิดเป็นประมาณการผลตอบแทนถึง 8.9%
สำหรับการระดมทุนเพื่อลงทุนในทรัพย์สินในปีนี้ กอง WHAIR จะเปิดให้นักลงทุนรายย่อย/1,2 ที่สนใจได้ร่วมลงทุน โดยมีกำหนดการดังนี้
- สำหรับผู้ถือหน่วยเดิมมีสิทธิ์สามารถจองซื้อได้ในช่วงวันที่ 2 และ 6-9 ธันวาคม 2565
- สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ในช่วงวันที่ 14-16 ธันวาคม 2565
หมายเหตุ:
- การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่าย เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน
- ผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมในกรณีที่ผู้จองซื้อเป็นสัญชาติอื่นใดที่มิใช่สัญชาติไทย อย่างไรก็ดี รายชื่อสัญชาติของผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่ไม่ได้รับการเสนอขายหน่วยทรัสต์ จะถูกประกาศผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนวันจองซื้อหน่วยทรัสต์
สำหรับช่องทางการจองซื้อ นักลงทุนสามารถจองซื้อผ่านทางเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) และสาขาของธนาคารกสิกรไทย สำหรับผู้ที่สนใจเข้าลงทุนใน WHAIR สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทย โทร 0 2888 8888 กด 819 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ sec.or.th หรือ wha-ir.com
คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน