×

‘Wellness Economy’ เมื่อโลกป่วยทั้งกายและใจ โอกาสของไทยอาจอยู่ตรงนี้

14.08.2025
  • LOADING...
Wellness Economy

เศรษฐกิจโลกผันผวน ส่งออกชะลอตัว ท่องเที่ยวแบบเดิมเริ่มอิ่มตัว สิ่งเหล่านี้ทำให้ไทยต้องกลับมาถามตัวเองอย่างจริงจังว่า 

 

“อะไรคือเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจชิ้นใหม่ของเรา?”

 

หลายคนมองไปที่เทคโนโลยีขั้นสูง หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต แต่ถ้าเราหันกลับมามองสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในมืออย่างลึกซึ้ง เราอาจพบว่า ‘Wellness Economy’ หรือเศรษฐกิจสุขภาวะ ไม่ใช่แค่โอกาสใหม่ แต่คือ ‘ทางรอด’ ที่เป็นไปได้และเป็นไปได้ดีมาก

 

🟡 สุขภาพกาย-ใจ ของคนทั้งโลกกำลังติดลบ

 

ในช่วงปี 2023-2025 ข้อมูลสุขภาพจากทั่วโลกกำลังบอกเราอย่างชัดเจนว่า “มนุษย์กำลังป่วย” ไม่ใช่แค่ในร่างกาย แต่ลึกลงไปถึงจิตใจ

 

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และโรคหัวใจ เพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่น่าตกใจ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ที่ล่าสุดผู้ใหญ่เป็นเบาหวานถึง 13.6% และอ้วนมากถึง 38.4% จากการบริโภคอาหารแปรรูป กิจกรรมทางกายน้อยลง ความเครียดเรื้อรัง และสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ

 

ขณะเดียวกัน รายงานจาก AXA พบว่า 42% ของคนวัย 18-24 ปีทั่วโลกมีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือเครียดอย่างหนัก และเกือบครึ่งยอมรับว่ากำลังมีปัญหาสุขภาพจิต ผลที่ตามมาหนักหนากว่าที่คิด เพราะโรคทางจิตและสมองกำลังกลายเป็นต้นทุนใหญ่ของเศรษฐกิจโลก คิดเป็นมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี


Euromonitor ชี้ว่า 21% ของคนไทยที่อายุเกิน 18 ปีมีความดันโลหิตสูง และ 10% ของคนอายุ 20-79 ปีเป็นเบาหวาน เทียบเท่าค่าเฉลี่ยโลก  แต่ที่น่าห่วงยิ่งกว่าคือข้อมูลของสภาพัฒน์ ระบุว่า มีคนไทยมากถึง 10 ล้านคนมีภาวะทางใจ แต่เข้ารับการรักษาเพียงราว 2-3 ล้านคนเท่านั้น

 

นี่คือสัญญาณเตือนว่า ‘สุขภาวะ’ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่มันคือการจัดการเชิงระบบที่ทั้งรัฐ ธุรกิจ และสังคมต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

 

🟡 ของดีที่โลกต้องการ และโอกาสที่แบ่งปันได้ทั่วถึง

 

หลังโควิด-19 การใส่ใจสุขภาพกลายเป็นเรื่องใหญ่ของคนทุกเพศทุกวัย ผนวกกับการเข้าสู่สังคมสูงวัยทั่วโลก ทำให้ตลาด Wellness ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปี 2566 มูลค่าเศรษฐกิจ Wellness ทั่วโลกอยู่ที่ 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะแตะ 9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 เติบโตเฉลี่ยปีละ 7.3%

 

นี่อาจเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะเรามีต้นทุนเดิมที่หลายชาติไม่มี และบางอย่างก็ไม่มีวันลอกเลียนได้ ทั้งดิน น้ำ อากาศที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับเกษตรกรรมทุกประเภท รวมถึงสิ่งที่ไม่มีตัวเลขใดวัดได้ คือ ‘เสน่ห์ของคนไทย’ ที่อบอุ่น ใจดี และพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนเสมอ

 

ทั้งหมดนี้คือ ‘Intangible Capital’ หรือทุนที่จับต้องไม่ได้ แต่สร้างมูลค่ามหาศาลในตลาดโลก ยิ่งถ้าเรานำมาร้อยเรียงเข้ากับกระแส Wellness Economy ที่กำลังเติบโต ก็จะกลายเป็นสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ที่คู่แข่งสู้เราได้ยาก

 

สิ่งสำคัญคือ Wellness Economy ไม่ใช่เศรษฐกิจเพื่อคนกลุ่มเล็ก แต่เป็นโอกาสของทุกคนในประเทศ เพราะห่วงโซ่อุปทานของมันกว้างขวาง ตั้งแต่

 

🔸ต้นน้ำ: เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ผลไม้ หรือข้าวอินทรีย์

 

🔸กลางน้ำ: ผู้แปรรูปเป็นอาหารสุขภาพ เครื่องดื่มฟังก์ชัน หรือสกินแคร์จากพืชสมุนไพร

 

🔸ปลายน้ำ: ธุรกิจสปา การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โรงแรมเชิง Wellness อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาวะ หรือแม้แต่เทคโนโลยีด้านการแพทย์และไบโอเทค

 

ในมุมนี้ Wellness Economy จึงไม่ใช่แค่ ‘เครื่องยนต์ใหม่’ ของเศรษฐกิจไทย แต่เป็นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนไปพร้อมกับผู้คนทุกกลุ่ม และรักษาเอกลักษณ์ของชาติเอาไว้ได้อย่างภาคภูมิ

 

🟡 เปลี่ยนทุนเดิมให้กลายเป็นศูนย์กลางสุขภาวะของโลก

 

เพราะการมีของดีไม่พอ ต้องมีระบบที่ต่อยอดและยกระดับของดีให้มีมาตรฐานโลกให้ได้ ซึ่งแผนงานสำคัญควรเดินหน้าอย่างจริงจังใน 6 ด้าน ได้แก่

 

🔸 สร้าง Wellness Cluster: รวมธุรกิจ เกษตรกร ผู้ให้บริการ และนวัตกรรมสุขภาพให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน 

 

🔸 เชื่อม Lab to Market: ดึงงานวิจัยและเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการจริง ตั้งแต่สมุนไพรไทยจนถึงเทคโนโลยีดูแลสุขภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าและความน่าเชื่อถือ

 

🔸 สร้าง Workforce แห่งอนาคต: อัปสกิลและรีสกิลแรงงานในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น ให้เข้าใจการตลาด เทคโนโลยี และมาตรฐานโลก

 

🔸 ผลักดันจาก Micro to Global: เปิดโอกาสให้ของดีท้องถิ่นเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่ต้องการใช้จ่ายกับ Wellness โดยตรง

 

🔸 พัฒนาเกณฑ์วัดผลสุขภาวะเศรษฐกิจ: สร้างดัชนีที่สะท้อนคุณภาพชีวิต สุขภาพ และการกระจายรายได้ ไม่ใช่แค่วัดความสำเร็จด้วย GDP

 

🔸สร้างแบรนด์ประเทศไทย: ให้ Wellness เป็นภาพจำความเป็นไทยในสายตาโลก เหมือน K-Branding ของเกาหลี

 

Wellness Economy ไม่ใช่คำสวยหรูหรือเทรนด์ชั่วคราว แต่มันคือ “โอกาสทอง” ที่ไทยควรคว้าไว้ ด้วยต้นทุนที่เรามีอยู่แล้ว

 

ประเทศไทยไม่ต้องเริ่มใหม่ แต่ต้องจัดระบบทุนเดิมให้กลายเป็นคุณค่าใหม่ ถ้าทำได้ นี่อาจไม่ใช่แค่เศรษฐกิจทางเลือก แต่คือการ ‘ค้นพบจิตวิญญาณทางเศรษฐกิจไทย’ อย่างแท้จริง

 

ชมคลิป: https://youtu.be/0jxFoCDIJbY

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising