×

หมอเก่ง อนาคตใหม่ ทวงถามมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

โดย THE STANDARD TEAM
25.09.2019
  • LOADING...
วาโย อัศวรุ่งเรือง

วันนี้ (25 กันยายน) นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า

 

“เป็นที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์ฝุ่นควันในภาคใต้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นลุกลามขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากที่จังหวัดนราธิวาส, ยะลา, ปัตตานี, สงขลา และสตูล โดยในบางช่วงเวลาค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2 ไมครอน หรือ PM2.5 ขึ้นสูงเกินกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีนโยบายเร่งด่วนและเป็นรูปธรรมเพียงพอ เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับประชาชน”

 

นพ.วาโย กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ฝุ่นควันดังกล่าวได้เคลื่อนตัวสูงขึ้นตามแรงลมที่พัดจากใต้ขึ้นเหนือ จนมีผลกระทบสูงขึ้นถึงจังหวัดพัทลุง, ตรัง, นครศรีธรรมราช, กระบี่, ภูเก็ต, พังงา และสุราษฎร์ธานี ถึงแม้ว่าฝนที่ตกลงมาจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปได้บ้าง แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากสาเหตุของฝุ่นควันดังกล่าวยังคงดำรงอยู่ ซึ่งได้แก่ สถานการณ์ไฟป่าที่เกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย

 

ดังนั้น รัฐบาลจึงสมควรที่จะมีนโยบายเร่งด่วนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 

 

นโยบายระยะสั้น: ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ประสบภัยให้ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าว และใส่หน้ากากอนามัยชนิดที่กรองฝุ่นละอองระดับ PM2.5 ได้

 

โดยรัฐบาลสมควรบริการและจัดหาหน้ากากอนามัยดังกล่าวให้กับประชาชน รณรงค์ให้ความรู้กับประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังให้อยู่ในเคหะสถาน และไม่ออกไปในพื้นที่โล่งแจ้งหรือที่ชุมชนโดยไม่มีเหตุจำเป็น ส่วนประชาชนทั่วไปก็ให้สวมหน้ากากอนามัยฯ ทุกครั้งที่ออกนอกเคหะสถาน

 

นอกจากนี้ยังสมควรพิจารณานโยบายให้หยุดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวในบางพื้นที่ ณ วันที่สถานการณ์เลวร้ายลง ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า รัฐบาลจะต้องมีความตื่นตัวและเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยจะต้องยึดโยงกับประชาชนและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

   

นโยบายระยะยาว: เจรจาเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศกับประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากปัญหาเรื่องไฟป่าในประเทศอินโดนีเซียนั้นมักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งส่งผลกระทบกับประชาชนในหลายประเทศ เช่น ประเทศไทย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ 

 

โดยสมควรพิจารณาในเบื้องลึกด้วยว่า ต้นเหตุของไฟป่านั้นมาจากสาเหตุใด เกิดจากน้ำมือของมนุษย์หรือไม่ หากเกิดโดยน้ำมือของมนุษย์แล้วมีผลทำให้สภาพป่าถูกเปลี่ยนไปเป็นป่าเสื่อมโทรม ซึ่งจะทำให้การขอสัมปทานเพื่อทำกิจการบางอย่างในพื้นที่ป่านั้นๆ ง่ายขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ มีนายทุนผู้ใดที่ได้รับประโยชน์บ้างจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและโดยเฉพาะในประเทศไทย

    

รัฐบาลสมควรต้องตระหนักได้แล้วว่า ปัญหาดังกล่าวนั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจชนิดเฉียบพลันที่คาดว่าเกิดจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วกว่า 20,000 คน

 

“หากปล่อยทิ้งไว้ต่อไปให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยไม่มีมาตรการเพื่อการแก้ไขและจัดการอย่างเหมาะสม จะยิ่งทำให้สุขภาพของประชาชนในพื้นที่นั้นเสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ” นพ.วาโย กล่าว

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising