×

วอร์เรน บัฟเฟตต์ โละหุ้น Apple เกือบ 2 ล้านล้านบาท! สัญญาณเตือนหรือแค่ปรับพอร์ต? เจาะลึกเบื้องหลังดีลสะเทือนวงการ

07.08.2024
  • LOADING...

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (3 สิงหาคม) วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลก สร้างความฮือฮาในแวดวงการเงินด้วยการเปิดเผยว่า Berkshire Hathaway บริษัทลงทุนของเขาขายหุ้น Apple มูลค่ากว่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.99 ล้านล้านบาท) ในช่วงไตรมาส 2

 

เหลือมูลค่าเพียง 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.99 ล้านล้านบาท) จากเดิมที่มีมูลค่าประมาณ 1.4 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.98 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2024 ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยกล่าวย้ำถึงความเชื่อมั่นใน Apple และตั้งใจจะถือหุ้นนี้ต่อไปในระยะยาว

 

การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความประหลาดใจและคำถามมากมายในหมู่นักลงทุนและผู้ติดตามข่าวสารทั่วโลก เนื่องจาก Apple ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก และเป็นบริษัทที่ทำกำไรให้กับ Berkshire Hathaway มากมายนับตั้งแต่เริ่มลงทุนในปี 2016 ด้วยมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท) จนเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9.95 แสนล้านบาท) ในปี 2017 และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 900% ในปัจจุบัน

 

มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการขายหุ้นครั้งนี้อย่างหลากหลาย นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เพราะแม้ว่ากลยุทธ์การลงทุนของบัฟเฟตต์ หรือที่รู้จักกันในนาม เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา (Oracle of Omaha) จะเป็นเรื่องยากที่จะมองข้าม

 

แต่จากสัดส่วนการถือครองหุ้น Apple ของ Berkshire Hathaway มีขนาดใหญ่มากเกินไป โดยคิดเป็นเกือบ 46% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดในช่วงต้นปี 2024 การลดสัดส่วนลงจึงเป็นการกระจายความเสี่ยงและรักษาสมดุลของพอร์ตโฟลิโอ กระนั้นแม้จะขายหุ้นออกไปแล้ว แต่ Apple ก็ยังคงเป็นบริษัทที่ Berkshire Hathaway ถือหุ้นมากที่สุดอยู่ดี

 

Joe Gilbert ผู้จัดการอาวุโสของ Integrity Asset Management กล่าวว่า “การลดสัดส่วนการถือหุ้น Apple ของบัฟเฟตต์เป็นเพียงการบริหารความเสี่ยง หากมีความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนในระยะยาวของ Apple บัฟเฟตต์คงจะขายหุ้นทั้งหมดออกไปแล้ว”

 

ยังมี Cathy Seifert นักวิเคราะห์จาก CFRA กล่าวเสริมว่า “ถ้าคุณมีหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในพอร์ตมากเกินไป คุณควรขายทำกำไรบ้าง และลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของการลงทุน” ซึ่ง Berkshire Hathaway นั้น “ยังคงมีพอร์ตการลงทุนที่ค่อนข้างกระจุกตัวอยู่”

 

นอกจากนี้ การขายหุ้น Apple ในช่วงเวลานี้ยังอาจเป็นการทำกำไรจากราคาหุ้น Apple ที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยราคาหุ้น Apple เพิ่มขึ้นถึง 23% ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2024 การขายหุ้นในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการทำกำไร และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่า

 

ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การขายหุ้น Apple ในช่วงเวลานี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งบัฟเฟตต์อาจกำลังมองเห็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเลือกที่จะถือเงินสดไว้เพื่อรอซื้อสินทรัพย์อื่นๆ ในราคาที่ถูกลงในอนาคต

 

โดยข้อมูลล่าสุดจากบริษัทเปิดเผยว่า Berkshire Hathaway กำลังถือเงินสดในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2.77 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.85 ล้านล้านบาท) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังในการลงทุนของบัฟเฟตต์ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนที่ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของ Apple โดยมองว่าบริษัทยังมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปได้ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

 

Dan Ives นักวิเคราะห์ของ Wedbush ชี้ให้เห็นถึงความภักดีต่อแบรนด์ของ Apple และการเติบโตในอนาคต โดยเชื่อว่า Apple กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวงจรการอัปเกรดครั้งใหญ่ ซึ่งจะผลักดันการเติบโตของรายได้ในปี 2025 และ 2026

 

อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ใช่หุ้นเดียวที่ Berkshire Hathaway ลดการถือครองในช่วงนี้ บริษัทขายหุ้นของ Bank of America โดยลดสัดส่วนลง 8.8% ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม บางคนมองว่านี่เป็นสัญญาณว่าบัฟเฟตต์ไม่เห็นปัญหาใดๆ กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่กำลังเดิมพันว่าผู้บริโภคและเศรษฐกิจในวงกว้างของสหรัฐฯ กำลังอ่อนแอลงมากกว่า

 

การขายหุ้น Apple ครั้งนี้ของ Berkshire Hathaway ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น Apple ในระยะสั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากสถานะของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลอย่างมากในวงการ

 

แม้ว่าเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังการขายหุ้นครั้งนี้ของ Berkshire Hathaway จะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือการตัดสินใจของบัฟเฟตต์ในครั้งนี้ สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น และทำให้เกิดการถกเถียงและวิเคราะห์ถึงอนาคตของทั้ง Apple และ Berkshire Hathaway อย่างกว้างขวาง

 

สำหรับนักลงทุนทั่วไป เหตุการณ์นี้ถือเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และการติดตามข่าวสารและแนวโน้มทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้

 

ภาพ: Rokas Tenys / Shutterstock

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising