×

วรรณวิภา สส. ก้าวไกล ชี้ ค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง-สูตรคำนวณด้อยค่า ถามรัฐบาลถกไตรภาคีรอบหน้ากล้าทุบโต๊ะหรือไม่

โดย THE STANDARD TEAM
05.01.2024
  • LOADING...
วรรณวิภา ไม้สน

วันนี้ (5 มกราคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วันสุดท้าย

 

วรรณวิภา ไม้สน สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้กล่าวอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ด้านสวัสดิการของแรงงานว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ. 2567 ถูกตั้งมาเหมือนไม่มีแรงงานไทยอยู่ในสถานะวิกฤตเลย ขณะเดียวกันก็ไม่มีความแตกต่างจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไม่ได้ตั้งงบประมาณเพื่อแก้วิกฤตแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ จะได้ข้อสรุปเมื่อไรและเป็นอย่างไร ซึ่งการประชุมไตรภาคีในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ รัฐบาลจะกล้าทุบโต๊ะหรือไม่ 

 

วรรณวิภากล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ค่าแรงมีการปรับขึ้นแบบกะปริดกะปรอย พร้อมมองปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่า เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่มีสูตรในการคิดคำนวณ ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้แรงงาน และถูกกดค่าแรงให้ต่ำมาโดยตลอด โดยมีการคิดให้น้อยกว่าความสามารถ แทนที่จะได้ค่าแรงตามความสามารถอย่างแท้จริง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต้องแก้ไขปัญหาจากต้นตอ 

 

วรรณวิภากล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้แรงงานเสียโอกาสที่จะได้รับค่าแรงที่สูงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคิดตามสูตรที่เป็นธรรม ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะได้ค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อยวันละ 375 บาท แต่ความเป็นจริงอยู่ที่ 353 บาทเท่านั้น ประชาชนเสียโอกาสมากกว่าวันละ 20 บาท รัฐบาลควรแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด 

 

ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลมีแผนที่จะตัดงบบุคลากรของภาครัฐ วรรณวิภากล่าวว่า ขอให้พิจารณาในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน เพราะคนที่สมควรถูกตัดเงินเดือนมากที่สุดคือคนที่อยู่ในคณะกรรมการค่าจ้างเหล่านี้ รวมถึงปลัดกระทรวงแรงงานด้วย ที่ปล่อยให้มีการคิดสูตรคำนวณที่เอาเปรียบประชาชนยาวนานเกือบ 7 ปี และทำให้แรงงานได้ค่าจ้างที่ไม่สมเหตุสมผลจนถึงปัจจุบัน

 

วรรณวิภายังกล่าวถึงโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน 11,000,000 คน จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1. การจัดอบรมสัมมนา จำนวน 3,302,600 บาท 2. การจัดงานแรงงานแห่งชาติ จำนวน 5,000,000 บาท และ 3. การเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว จำนวน 1,425,900 บาท 

 

วรรณวิภามองว่า งบประมาณดังกล่าวจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานได้กี่คน เพราะทุกวันนี้แรงงานป่วยยังไม่อยากหยุดงานด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้ขาดรายได้ แล้วจะมีแรงงานกี่คนที่จะมีเวลามาฝึกอบรมร่วมโครงการกับกระทรวงแรงงาน รัฐบาลควรปฏิรูปงบประมาณของกระทรวงแรงงานให้สอดคล้องมากขึ้นได้แล้ว พร้อมทั้งมอบข้อเสนอจากพรรคก้าวไกลในการจัดงบประมาณ 5 ข้อดังนี้ 

 

  1. เลิกค้างเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม 
  2. ให้ความชัดเจนเรื่องเพดานรายได้การจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตนและนายจ้าง 
  3. เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน
  4. เพิ่มสิทธิประโยชน์ ทำประกันสังคมถ้วนหน้าให้กับแรงงานนอกระบบ มาตรา 40 เข้าสู่ระบบ จะได้ไม่มีแรงงานนอกระบบอีกต่อไป 
  5. บังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างจริงจัง อะไรที่มีการเขียนระบุไว้แต่ไม่สามารถบังคับใช้จริงได้ 

 

“ถึงเวลาแล้วที่กระทรวงแรงงานจะต้องเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารหรือการบริการ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของตนเองรวมถึงวิกฤตสถานการณ์ ให้ประชาชนไม่โดนเอารัดเอาเปรียบและให้ได้รับประโยชน์สูงสุด” วรรณวิภากล่าวทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising