×

หุ้นวอลล์สตรีทฟื้น 3 ดัชนีปิดตลาดแดนบวก แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการ รอลุ้นเงินเฟ้อคืนพรุ่งนี้

09.02.2022
  • LOADING...
หุ้นวอลล์สตรีทฟื้น 3 ดัชนีปิดตลาดแดนบวก แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการ รอลุ้นเงินเฟ้อคืนพรุ่งนี้

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ (8 กุมภาพันธ์) ปิดตลาดปรับตัวในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดีของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาด ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างจับตารอดูตัวเลขเงินเฟ้อที่จะมีการเปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์นี้

 

ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ปรับตัวเพิ่มขึ้น 371.65 จุด หรือ 1.06% ปิดที่ 35,462.78 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 37.67 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 4,521.54 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 178.79 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 14,194.45 จุด

 

ทิศทางความเคลื่อนไหวในแดนบวกของตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ (8 กุมภาพันธ์) ได้แรงหนุนจากบรรดารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มการเงินและเทคโนโลยี

 

โดย American Express และ J.P. Morgan ขยับขึ้น 1% เมื่อวานนี้ ส่วนหุ้นของ Apple Microsoft และ Amazon ต่างก็ปิดบวกมากกว่า 1% เช่นกัน ซึ่งหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินได้รับแรงหนุนสำคัญจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวแตะระดับสุดสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 ที่ 1.96%

 

บรรยากาศโดยรวมของตลาดในขณะนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า ยังมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนต่างจับตารอดูรายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่จะมีการเปิดเผยขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มยกระดับกระชับความเข้มงวดด้านนโยบายการเงิน ซึ่งหมายรวมถึงการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย

 

ผู้เชี่ยวชาญคาดหมายว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ (10 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) มีโอกาสจะขยับเพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 7.2% ทำสถิติแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี

 

ส่วนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คือ การเปิดเผยตัวเลขดุลการค้าประจำเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ ที่พบว่ามีการขาดดุลถึง 80,700 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของทาง Bloomberg ที่คาดว่าจะมีการขาดดุลที่ 82,800 ล้านดอลลาร์

 

สำหรับราคาน้ำมันเมื่อวานนี้ (8 กุมภาพันธ์) ปรับตัวลดลงมากว่า 2% โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 90.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

การปรับลดของราคาน้ำมันเป็นผลการรอลุ้นผลการเจรจาทางอ้อมรอบที่ 8 ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนเมษายนปีก่อน ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย อาจนำมาซึ่งการตกปากรับคำคืนสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 แม้เวลานี้ทั้งสองฝ่ายยังคงเห็นต่างกันในรายละเอียดของการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่วอชิงตันกำหนดเล่นงานอิหร่าน

 

ทั้งนี้ ในกรณีที่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้สำเร็จ หลายฝ่ายคาดว่าอาจนำพาน้ำมันดิบจากอิหร่านกลับสู่ตลาดมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอุปทานโลกประมาณ 1%

 

ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (8 กุมภาพันธ์) ปิดบวก 3 วันติดต่อกัน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 6.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,827.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

วันเดียวกัน มีรายงานว่าทาง Apple ค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำของสหรัฐฯ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่จะเปิดทางให้ภาคธุรกิจสามารถรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือช่องทางดิจิทัลอื่นๆ โดยอาศัยเพียงแค่ iPhone เพียงเครื่องเดียว นับเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมฟินเทคให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกครั้ง  

 

Apple ระบุว่า บริการแตะเพื่อจ่าย หรือ Tab to Pay นี้ จะใช้เทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) สำหรับการชำระเงินทุกประเภท รวมถึงระหว่าง iPhone ด้วยกันเอง พร้อมย้ำว่าฟีเจอร์ดังกล่าวมีระบบปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอย่างเคร่งครัด ดังนั้นภายใต้ฟีเจอร์ใหม่ Apple จะไม่มีทางรู้ว่าลูกค้ากำลังซื้ออะไรหรือใครเป็นคนซื้อ อีกทั้งเป็นการช่วยร้านค้าประหยัดต้นทุนและอุปกรณ์ เพราะสามารถใช้ iPhone เครื่องเดียวรับบัตรเครดิต, บัตรเดบิต, Apple Pay, หรือบริการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสได้โดยตรง โดยผู้พัฒนาแอปที่จะรองรับฟีเจอร์นี้แอปแรกคือ Stripe หลังจากนั้น Shopify Point of Sale ก็จะรองรับตามมาภายในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 นี้

 

รายงานระบุว่า iPhone ที่จะใช้งานฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ต้องเป็น iPhone XS เป็นต้นไป และรองรับเครือข่ายบัตรเครดิตหลักๆ ในสหรัฐฯ ทั้งหมด ได้แก่ American Express, Discover, Mastercard และ Visa

 

สำหรับผู้พัฒนาแอปรายอื่นๆ  Apple จะเพิ่ม API สำหรับ Tab to Pay ไว้ใน iOS SDK รุ่นเบต้าตัวต่อไป

 

ด้านบริษัทบีพี หนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ออกมาเปิดเผยรายงานผลประกอบการเมื่อวานนี้ (8 กุมภาพันธ์) พบว่า บริษัทมีกำไรในปี 2021 อยู่ที่ 12,800 ล้านดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ดีดตัวขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบจากโควิด

 

ขณะที่กำไรสุทธิของบีพีแตะที่ 4,100 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4/2021 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3,930 ล้านดอลลาร์

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X