×

Viu ขึ้นแซง Netflix เดินหน้าเบียด Disney+ เพื่อเป็นที่ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

17.09.2021
  • LOADING...
Viu

กิจกรรมของใครหลายๆ คนในช่วงล็อคดาวน์แบบนี้ คงหนีไม่พ้นการดูหนังและซีรีส์ยามว่างอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นของเจ้าใหญ่จากตะวันตกอย่าง Disney+ และ Netflix หรืออีกเจ้าจากเอเชียเองที่มาแรงไม่แพ้กันคือ Viu ของฮ่องกง ที่กำลังเนื้อหอมจนจำนวนผู้ชมก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดสตรีมมิงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 

ก้าวย่างของ Viu ได้แซงผู้บุกเบิกตลาดอย่าง Netflix ที่ร่วงลงไปอยู่อันดับ 3 โดยอันดับ 1 เป็นของพี่ใหญ่อย่าง Disney+ ที่พึ่งเปิดให้บริการในไทยเมื่อเดือนมิถุนายน หลังจากเปิดให้บริการในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียไปก่อนหน้าแล้ว 

 

โดยรายได้ของ Viu มีการเติบโตถึง 47% เป็น 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 พันล้านบาท) ในครึ่งปีนี้ รวมถึงจำนวนผู้ชมทั้งหมดยังมีมากถึง 49 ล้านคน (ข้อมูลเดือนมิถุนายน 2021) เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

Viu ผู้ให้บริการสตรีมมิงสัญชาติฮ่องกงยังคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ พร้อมประกาศไล่ตามพี่ใหญ่ Disney+ เพื่อขึ้นเป็นที่ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ล่าสุด แจนิส ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Viu ประกาศในระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ว่า “เรากำลังทุ่มโฟกัสส่วนใหญ่ไปที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” 

 

แม่ทัพของ Viu มองว่า ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความหลากหลายของกลุ่มผู้ชมสูง ต่างกับผู้ชมในอเมริกาเหนือที่มีพฤติกรรมการชมคล้ายคลึงกัน โดยผู้ชมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากจะดูหนังและซีรีส์จากฝั่งตะวันตกแล้ว ยังต้องการที่จะดูหนังและซีรีส์ที่ตัวเองคุ้นเคยทั้งภาษา วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของประเทศตัวเองด้วย หรือที่เรียกว่า Local Content 

 

อ้างอิงจากสถิติของ Media Partners Asia พบว่าประเทศไทยและอินโดนีเซีย มีการชม Local Content มากถึง 20% จากจำนวนการรับชมทั้งหมด โดยลีกล่าวว่า “เรามีแผนที่จะสร้างหนังและซีรีส์ที่เฉพาะเจาะจงกับประเทศนั้นๆ หรือ Local Content ให้มากขึ้น ทั้งนี้ Viu ยังกำลังดำเนินการลงทุนเพื่อผลิต Local Content ในไทยและอินโดนีเซียอยู่ด้วย”

 

นอกจาก Local Content แล้ว Viu ยังเล็งเห็นถึงความต้องการชมหนังและซีรีส์เกาหลีที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเมื่อต้นปีนี้พึ่งเปิดตัวหนังและซีรีส์เกาหลี 4 เรื่องแรก ซึ่งเป็นหนังและซีรีส์เกาหลีที่ Viu ทุ่มทุนสร้างเองโดยเฉพาะ ตามรอย Netflix ที่มีการทุ่มทุนสร้างคอนเทนต์ของตัวเอง หรือ Original Content ไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

ไม่เพียง Original Content เท่านั้น แต่ Viu ยังมองเห็นถึงพฤติกรรมผู้ชมชาวเอเชีย ว่าเป็นกลุ่มผู้ชมที่มีความอ่อนไหวด้านราคาสูง ดังนั้น Viu จึงเปิดให้ผู้ชมเข้ามาดูหนังและซีรีส์ฟรี หรือที่เรียกว่าผู้ชมระดับฟรีเมียม (Freemium) โดยผู้ชมระดับนี้จะสามารถดูคอนเทนต์ได้ฟรีโดยมีโฆษณาคั่น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ล่อให้ผู้ชมเข้ามาใช้ก่อน และเมื่อติดใจการใช้ Viu แล้ว ผู้ชมจะจ่ายเงินสมัครสมาชิกขึ้นไปเป็นระดับพรีเมียม (Premium) ในภายหลัง ซึ่งคู่แข่งจากแดนมังกรอย่าง iQiyi และ WeTV ก็นำโมเดลนี้ไปใช้ตาม

 

นอกจากเข้าใจพฤติกรรมผู้ชม แล้วยังมองไปที่โครงสร้างพื้นฐานในบางประเทศอีกด้วย อย่างประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่แม้แต่อินเทอร์เน็ต 4G ยังเข้าถึงผู้คนได้ไม่ทั่วถึง Viu จึงมีฟีเจอร์อย่างการดาวน์โหลดคอนเทนต์เก็บไว้ดูได้อย่างไม่จำกัดสำหรับลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งทำให้ Viu สามารถครอบครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศเหล่านี้ได้ 

 

ในส่วนของประเทศที่อินเทอร์เน็ตทั่วถึงในพื้นที่ส่วนใหญ่แล้ว Viu ยังเป็นเจ้าแรกๆ ที่พาร์ตเนอร์กับบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างแพ็กเกจระดับพรีเมียมสำหรับดูได้ในสมาร์ทโฟนเท่านั้นเป็นรายแรกๆ โดยคิดค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 2 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 66 บาท) เท่านั้น หลังจากนั้นผู้บุกเบิกวงการอย่าง Netflix ก็ทำแพ็กเกจคล้ายๆ กันนี้ตามมาทีหลัง โดยคิดค่าใช้จ่ายถึง 5 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 165 บาท) 

 

เห็นได้ว่าตลาดสตรีมมิงเป็นตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดจากยักษ์ใหญ่ที่มาจากฝั่งตะวันตกอย่าง Netflix และ Disney+ และจากฝั่งแดนมังกรอย่าง iQiyi และ WeTV ของ Tencent ซึ่ง Viu ถือว่ามีความสามารถอย่างมากที่ยังคงรับมือและต่อกรกับผู้เข้าแข่งขันยักษ์ใหญ่จากทั้ง 2 ฝั่งเหล่านี้ได้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising