×

Venture Cap ล็อกเป้า ‘เทคฯ สตาร์ทอัพจีน’ อาจได้อานิสงส์จากกรณีสหรัฐฯ แบนส่งออกชิป

31.10.2022
  • LOADING...
Venture Cap

ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านเซมิคอนดักเตอร์ของจีนยังคงตามหลังสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนบางส่วนยังคงใส่เงินลงทุนกับบริษัทเทคโนโลยีของจีน โดยคาดหวังว่าบริษัทเหล่านี้จะพัฒนาขึ้นมาเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงดำเนินควบคู่กันไปด้วย ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ไปให้บริษัทจีน กดดันรายได้ของทั้งบริษัทสหรัฐฯ และจีนทันที


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


ช่องว่างที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทร่วมลงทุน (Venture Capital) หลายรายมองเป็นโอกาสที่สตาร์ทอัพของจีนจะเข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ อย่างกรณีของ Vertex Ventures China ได้ระดมทุนจากนักลงทุนต่างชาติเพื่อเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพเหล่านี้ โดยสามารถระดมทุนได้เกือบ 500 ล้านดอลลาร์ มากกว่าแผนที่วางไว้ 400 ล้านดอลลาร์

 

Tay Choon Chong หุ้นส่วนผู้จัดการของ Vertex กล่าวว่า “ดิสรัปชันที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในจีนเวลานี้คือการที่ชาติตะวันตกจะไม่ส่งออกเทคโนโลยีให้จีน ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเรา”

 

บริษัทผู้ผลิตชิปของจีนมีโอกาสที่จะเติบโตสู่กว่า 10% ต่อปี ด้วยมูลค่าที่ยังอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ขณะที่จีนนำเข้าชิปคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

 

โดยชิปที่มีโอกาสจะเติบโตสูง ได้แก่ ชิปสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัญญาณของโทรศัพท์ หรือชิปสำหรับควบคุมรถยนต์

 

Bo Du กรรมการผู้จัดการของ WestSummit Capital Management กล่าวว่า กลยุทธ์ของบริษัทในการลงทุนยังคงเหมือนเดิมแม้ว่าสหรัฐฯ จะมีมาตรการควบคุมใหม่ออกมา โดยบริษัทยังคงเน้นลงทุนในบริษัทผู้ผลิตชิปที่ผลิตให้กับอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ซึ่งชิป 79% ของทั่วโลก ผลิตให้กับสินค้าเหล่านี้

 

ทั้งนี้ จีนเป็นผู้ที่ต้องการใช้ชิปประมาณ 40% ของชิปทั่วโลกในแต่ละปี จากข้อมูลของ Natixis อย่างไรก็ตาม บริษัทจีนมีส่วนแบ่งตลาดเพียงประมาณ 5.2%

 

อย่างไรก็ตาม Patrick Chen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CLSA ในไต้หวัน กล่าวว่า หากจีนจะเริ่มพัฒนาทุกอย่างขึ้นมาใหม่ อาจทำให้จีนต้องถอยหลังกลับไปกว่า 5 ปี

 

การใส่เงินลงทุนกับบริษัทจีนที่พัฒนาชิปในขั้นต้นมีความเสี่ยงในด้านการถูกฟ้องร้องและความซับซ้อนของเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทลงทุนต้องพิจารณาให้แน่ใจว่าบริษัทผู้พัฒนาชิปมีความเชี่ยวชาญและมีเงินทุนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันกับความต้องการของตลาด

 

Hongye Wang หุ้นส่วนของบริษัทร่วมลงทุน Antler กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ยากที่จะแยกให้ออกว่าสตาร์ทอัพรายไหนจะประสบความสำเร็จ โอกาสของบริษัทที่จะสำเร็จอาจอยู่ที่เพียง 10 ใน 1,000 หรือราว 1%

 

Wang มองว่าตลาดสำหรับไฮเทคสตาร์ทอัพจะค่อยๆ ดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทลงทุนต่างๆ ยังมีเงินสดอยู่มาก เพราะแทบจะไม่ได้ติดสินใจลงทุนใหม่เลยในช่วงของการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาในปีนี้

 

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการแบนของสหรัฐฯ ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีการสื่อสาร

 

สำหรับ SK Hynix บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งมีโรงงานผลิตชิปในจีน เปิดเผยว่า บริษัทจะพิจารณาแผนรองรับในกรณีเลวร้าย คือการตัดสินใจขายธุรกิจในจีนออกไปหากการแบนของสหรัฐฯ ทำให้การดำเนินงานยุ่งยากขึ้น

 

“จากแผนฉุกเฉิน เรากำลังคิดเกี่ยวกับการขายโรงงาน อุปกรณ์บางส่วน เราอยากจะทำธุรกิจต่อไปโดยที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้” Kevin Noh ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาดกล่าว

 

เมื่อสองสัปดาห์ก่อน SK Hynix เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการผ่อนผันจากสหรัฐฯ ให้สามารถใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ต่อไปได้อีก 1 ปี สำหรับการผลิตชิปหน่วยความจำขั้นสูงในประเทศจีน เช่นเดียวกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. ก็ได้รับการผ่อนผัน 1 ปีเช่นกัน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising