สมาคมแฟนฟุตบอล (Football Supporters’ Association: FSA) เผยผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำระบบ VAR มาใช้ในเกมฟุตบอล ซึ่งผลออกมาชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้ทำลายความสุขในการชมการแข่งขันอย่างมาก ถึงขั้นอาจจะไม่ไปชมเกมในสนามอีก
หลังจากที่ฟุตบอลอังกฤษได้มีการนำระบบ VAR มาใช้ช่วยตัดสินในเกมระดับพรีเมียร์ลีกมาแล้ว 2 ฤดูกาล และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในการตัดสินที่ค้านความรู้สึก ทางด้าน FSA ได้มีการสำรวจความคิดเห็นของแฟนฟุตบอลจำนวน 33,000 คน ซึ่งเป็นการทำแบบสำรวจครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา เพื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีและเกมฟุตบอล
ผลการสำรวจออกมาดังนี้ กลุ่มแฟนฟุตบอลที่ไปชมเกมที่สนามจำนวน 95 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า VAR ได้ทำให้ประสบการณ์ในการชมเกมฟุตบอลสนุกน้อยลงกว่าเดิม ขณะที่อีก 44 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ไปชมเกมที่สนามในอนาคตเพราะ VAR ขณะที่ในกลุ่มแฟนที่ชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ระบุว่า VAR ส่งผลลบถึง 94 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่แฟนบอลทั้งสองกลุ่มทั้งที่ไปชมเกมสดๆ ที่สนามและชมผ่านหน้าจอมีเพียง 26 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สนับสนุนให้มีการใช้ระบบ VAR ต่อไป ขณะที่ 94 เปอร์เซ็นต์ คิดว่ามันเป็นผลลบมากกว่า โดยสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจมากที่สุดคือการที่ VAR ทำลายความรู้สึกในช่วงที่มีการทำประตู และการตัดสินบางจังหวะที่กินระยะเวลายาวนาน
FSA กล่าวสรุปผลสำรวจครั้งนี้ว่า “เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนจากแฟนฟุตบอลว่า VAR ได้ทำลายความสุขของช่วงเวลาที่มีการทำประตู และพรากเอาช่วงเวลาที่สนุกที่สุดของเกมไป เราหวังว่าพรีเมียร์ลีกและ PGMOL (คณะกรรมการที่ทำหน้าที่ในการตัดสินเกม) จะรับฟังเสียงของแฟนฟุตบอลและพยายามพัฒนาระบบที่ยังไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนและเป็นที่เข้าใจได้โดยทันที”
ทั้งนี้ทางด้านพรีเมียร์ลีกมีแผนที่จะพัฒนาระบบการตัดสินนี้ให้ดีขึ้นในฤดูกาลหน้า โดยได้รับฟังความเห็นจาก 20 สโมสรแล้ว ขณะที่ PGMOL ได้มีความพยายามในการจะลดเวลาที่ใช้ตัดสินลง รวมถึงมีการตีความกฎใหม่ที่ก่อปัญหาอย่างมาก เช่น กฎแฮนด์บอลด์ และจะมีการพัฒนาระบบการตัดสินล้ำหน้าโดยอัตโนมัติในอนาคต และเพิ่มความยืดหยุ่นให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายรุกมากขึ้นเพื่อลดจังหวะที่มีปัญหา เช่น การล้ำหน้าเพราะ ‘รักแร้’ แต่ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
