สหรัฐฯ อาจตอบโต้ เหตุฐานทัพในจอร์แดนถูกโจมตี ยันไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้รับแรงกดดันจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันที่เรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ ตอบโต้เหตุโดรนโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในจอร์แดน จนเป็นเหตุให้มีทหารอเมริกันเสียชีวิตอย่างน้อย 3 นาย บาดเจ็บอีก 34 นาย ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มติดอาวุธผู้ลงมือก่อเหตุได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ถึงแม้อิหร่านจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า กองทัพสหรัฐฯ อาจยกระดับแผนตอบโต้เหตุการณ์ดังกล่าวที่รุนแรงมากกว่าการโจมตีตอบโต้ของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียก่อนหน้านี้ แต่ยืนยันว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการทำสงครามกับอิหร่านแต่อย่างใด

ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สภาพแวดล้อมในตะวันออกกลางขณะนี้นั้นอันตรายพอๆ กับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ตั้งแต่ปี 1973 หรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำทั้งยังเผยว่า แผนตอบโต้ของสหรัฐฯ สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายระดับ เกิดขึ้นเป็นลำดับขั้นและจะคงอยู่เมื่อเวลาผ่านไป

สหรัฐฯ ไม่ได้แสวงหาการทำสงครามกับอิหร่าน

แม้จะมีกระแสเรียกร้องให้กองทัพสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปที่การโจมตีอิหร่านโดยตรง แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า การโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้เหตุโดรนโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในจอร์แดนนั้นเป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยที่สุด

ขณะที่ จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า “สหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน และไม่ได้ต้องการทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางขณะนี้ต้องขยายตัว” และชี้ว่าบทบาทของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นไปเพื่อพยายามลดความรุนแรงและความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ลง

แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังถือว่าอิหร่านเป็นผู้มีส่วนต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ เพราะการที่มีทหารอเมริกันเสียชีวิตนั้น ถือเป็นหนึ่งในการก้าวข้ามเส้นสีแดงของตัวผู้นำสหรัฐฯ

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนโดยอิหร่านทั้งในอิรักและซีเรียอย่างต่อเนื่องหลังถูกโจมตีมากถึง 165 ครั้งนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เป็นเหตุให้มีทหารอเมริกันได้รับบาดเจ็บกว่า 120 นาย

ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับรัฐบาลไบเดนขณะนี้คือ จะตอบโต้เหตุโดรนโจมตีฐานทัพในครั้งนี้อย่างไร ท่ามกลางความขัดแย้งภายในภูมิภาคที่ดูเหมือนจะพร้อมขยายตัวได้ตลอดเวลา โดยเหตุโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นในจอร์แดนครั้งนี้ถือเป็นเหตุโจมตีครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เหตุระเบิดที่ Abbey Gate ซึ่งคร่าชีวิตทหารอเมริกันไปมากถึง 13 นายในช่วงวันท้ายๆ ของปฏิบัติการถอนทัพออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ไม่ได้ปะทุและลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาคแต่อย่างใด

ภาพ: Sean Rayford / Getty Images

อ้างอิง: