×

3 คำถาม เมื่อ ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เข้าสู่ขาลง

11.09.2024
  • LOADING...
ดอกเบี้ยสหรัฐฯ

ในที่สุดเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาก็มีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนให้เห็น ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ร้อนไปถึงดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุดในการสัมมนาประจำปีที่ Jackson Hole เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศว่า “ถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินแล้ว”

 

ทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ มีความสำคัญกับทั้งเศรษฐกิจ ตลาดเงิน และการลงทุน คำถามสำคัญคือ ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เข้าสู่ขาลงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องรู้คำตอบ

 

1. ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เข้าสู่ขาลงแล้ว เศรษฐกิจกำลังจะพลิกเป็นขาขึ้นใช่หรือไม่

 

คำตอบคือ ไม่ ครั้งนี้เป้าหมายสำคัญเป็นแค่การประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ Soft Landing

 

ดอกเบี้ยขาลงมี 4 รูปแบบหลัก ประกอบด้วย ลดเพราะถดถอย (Recessionary Cuts), ลดเพื่อปรับสมดุลเศรษฐกิจ (Mid-Cycle Adjustment), ลดเพื่อประกันความเสี่ยง (Insurance Cuts) และลดเพื่อเพิ่มระยะเวลาการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Easing Cuts)

 

การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เงินเฟ้อ และตลาดแรงงานชะลอตัวลง แต่ไม่ถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย ความเป็นไปได้จึงอยู่ระหว่าง Mid-Cycle Adjustment และ Insurance Cuts

 

ตัวอย่างในอดีตของ Mid-Cycle Adjustment เช่นปี 2019 Fed ลดดอกเบี้ยเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง หรือ Insurance Cuts ปี 1998 Fed ลดดอกเบี้ยเพื่อประกันความเสี่ยงจากวิกฤต LTCM

 

กรณีดังกล่าวมักส่งผลบวกกับเศรษฐกิจและตลาดไม่มาก เนื่องจากความเสี่ยงยังคงอยู่ ต่างจาก Recessionary Cuts ที่มักสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมาได้ เพราะผลกระทบด้านลบผ่านไปหมดแล้ว

 

2. ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เข้าสู่ขาลงแล้ว ดอลลาร์จะอ่อนค่าต่อไปอีกหรือไม่

 

คำตอบคือ ไม่เสมอไป เหตุผลหลักคือธนาคารกลางอื่นสามารถลดดอกเบี้ยได้เช่นกัน

 

แม้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าเร็วมาก โดยเฉพาะกับสกุลเงินที่ธนาคารกลางเลือกขึ้นดอกเบี้ยอย่างเยนญี่ปุ่น หรือเงินบาท ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่มีแนวคิดที่จะลดดอกเบี้ย

 

อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุผลของการลดดอกเบี้ยครั้งนี้คือเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ผมเชื่อว่าทิศทางเศรษฐกิจจะถูกส่งต่อไปสู่เศรษฐกิจโลก ผ่านทั้งแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโต มีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารกลางหลักอื่นๆ จะเข้าสู่โหมดผ่อนคลายนโยบายการเงินพร้อมกัน ส่วนต่างของดอกเบี้ยจึงอาจไม่ลดลงมาก

 

ในทางกลับกัน การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจเป็นแรงส่งให้ดอลลาร์แข็งค่ากลับจากภาพรวมตลาดที่ปิดรับความเสี่ยง (Risk Off)

 

ต่อจากนี้ดอลลาร์จะแข็งหรือจะอ่อน ผมเชื่อว่าจะเกิดจากทิศทางของตลาดทุนสหรัฐฯ มากกว่าดอกเบี้ย ตัวแปรสำคัญคือหุ้นเทคโนโลยี ที่เป็นศูนย์รวมหนึ่งเดียวของการเติบโต หนุนให้เงินลงทุนทั่วโลกไหลมารวมกันที่เงินดอลลาร์

 

ถ้าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้สามารถช่วยให้หุ้นเทคโนโลยีฟื้นเป็นขาขึ้นได้ต่อ ดอลลาร์ก็จะแข็งค่ากลับ แต่ในทางกลับกัน ถ้าการลดดอกเบี้ยกลับเป็นชนวนให้เกิดการเปลี่ยนกลุ่ม หรือนักลงทุนเริ่มมองหาการเติบโตใหม่นอกสหรัฐฯ เงินดอลลาร์จะมีโอกาสอ่อนค่าต่อได้อีก 5-10% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

 

3. ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เข้าสู่ขาลงแล้ว ตลาดหุ้นต้องเป็นขาขึ้นต่อเนื่องใช่ไหม

 

คำตอบคือ ไม่ใช่ขาลงหรือตลาดหมี แต่อาจไม่ถึงกับเป็นตลาดกระทิง

 

ทิศทางของตลาดหุ้นกับนโยบายการเงินเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุดเสมอ

 

มองย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่ปี 1929 มีดอกเบี้ยขาลงเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แล้วกว่า 14 ครั้ง และ 12 ใน 14 ครั้ง ดัชนี S&P 500 ทำผลตอบแทนเป็นบวกได้ในช่วง 12 เดือนหลังจากการลดดอกเบี้ยครั้งแรก หรือเป็นไปได้น้อยที่เราจะพบกับตลาดหมี (ปรับตัวลง 20%) หลังการลดดอกเบี้ย

 

อย่างไรก็ดี ถ้าเรามองให้ลึกเข้าไปว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้อาจเกิดจากการปรับสมดุลเศรษฐกิจ หรือเพื่อประกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ผลตอบแทนของหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยจะต่ำกว่าช่วงดอกเบี้ยขาลงอื่นราว 5% เนื่องจากความเสี่ยงยังอยู่กับตลาด

 

นอกจากนั้นช่วงที่หุ้นมี Valuation แพงอยู่แล้ว เช่นปี 2001 หรือ 2007 แม้ Fed จะลดดอกเบี้ย ผลตอบแทนของการลงทุนก็ติดลบได้

 

มุมมองของผม หุ้นสหรัฐฯ ครั้งนี้อาจไม่ใช่ตลาดกระทิงหลังการลดดอกเบี้ย แต่คาดว่าจะเป็น ‘ตลาดกระบือ’ มากกว่า

 

แม้สภาพแวดล้อมจะสนับสนุนให้หุ้นเป็นขาขึ้น แต่การที่ตลาดปรับตัวขึ้นมาก่อน และ Valuation แพงขึ้นจากกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้ผลของดอกเบี้ยขาลงที่เป็นบวกในวงกว้างมีผลกับตลาดน้อย

 

ตลาดรอบนี้จึงไม่มีแรงส่งให้พุ่งไปข้างหน้าทางเดียวเหมือนตลาดกระทิง แต่จะเดินเตร่และยุ่งเหยิงเหมือนกระบือ

 

โดยสรุป ผมมองว่าดอกเบี้ยขาลงทุกครั้งแตกต่างกัน

 

ในปี 2024 นักลงทุนควรเข้าใจว่าดอกเบี้ยขาลงอาจไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมาสดใสทันทีได้ ตลาดเงินมีความผันผวนสูง ตลาดทุนรับข่าวไปแล้ว แม้ดอกเบี้ยขาลงจะเป็นแรงหนุน แต่การที่หุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ภายในปีนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายครับ

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising