วานนี้ (1 เมษายน) สื่อท้องถิ่นของสหรัฐอเมริการายงานว่า สหรัฐฯ คาดว่าจะมีผู้อพยพต้องการเดินทางเข้าประเทศทางชายแดนตอนใต้ราว 2 ล้านคนภายในปลายปีงบประมาณ 2021 ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2010
โดยสำนักข่าว CNN รายงานข่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โดยอ้างตัวเลขคาดการณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจนถึงเดือนกันยายนจะมีผู้อพยพวัยผู้ใหญ่ที่เดินทางคนเดียวสูงสุด 1.1 ล้านคน ครอบครัวราว 828,000 ครอบครัว และเด็กไร้ผู้ปกครองกว่า 200,000 คน เดินทางมายังชายแดนตอนใต้ของสหรัฐฯ
รายงานของ CNN อ้างอิงตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนว่า หน่วยงานลาดตระเวนชายแดนคาดว่าจำนวนผู้อพยพที่สหรัฐฯ จะต้องเผชิญนั้นจะเพิ่มขึ้นเดือนต่อเดือน โดยคาดว่าส่วนมากเป็นผู้ใหญ่ที่เดินทางคนเดียวที่เมื่อมาถึงชายแดนตอนใต้ของสหรัฐฯ ก็จะถูกปฏิเสธให้ข้ามแดน เนื่องจากคำสั่งด้านสาธารณสุข ซึ่งทำให้พวกเขาอาจพยายามหาทางข้ามชายแดนอีกครั้ง
ด้านสำนักข่าว Reuters รายงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2021 จะมีผู้อพยพเด็กซึ่งไร้ผู้ปกครองเดินทางมาถึงชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 159,000-184,000 คน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ราอูล ออร์ทิซ รองหัวหน้าหน่วยงานลาดตระเวนชายแดน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว Reuters ว่าหน่วยงานคาดว่าในปีงบประมาณ 2021 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2020 ตนจะต้องรับมือกับผู้อพยพมากกว่า 1 ล้านคน
ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ ระบุว่า ครั้งล่าสุดที่ยอดการจับกุมผู้อพยพพุ่งสูงเกิน 1 ล้านคน คือเมื่อปีงบประมาณ 2006 ซึ่งยอดนี้ได้พุ่งสูงขึ้นเมื่อเกิดวิกฤตชายแดนในปี 2019 แต่ยังคงมีจำนวนไม่ถึง 900,000 คน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- สำนักข่าวซินหัว