เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่าเรือรบสหรัฐฯ ได้ยิงสกัดกั้นโดรนและขีปนาวุธใกล้ชายฝั่งเยเมนเป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 ตุลาคม) โดยสามารถยิงสกัดขีปนาวุธร่อน 4 ลูก และโดรน 15 ลำ ที่ต้องสงสัยว่าอาจพุ่งเป้าโจมตีไปที่อิสราเอล
เรือ USS Carney ซึ่งเป็นเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีชั้น Arleigh Burke แล่นผ่านคลองสุเอซมุ่งหน้าไปทางใต้ ได้ตรวจพบขีปนาวุธและโดรนที่กำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือเลียบทะเลแดง และตัดสินใจยิงสกัดกั้นเนื่องจากวิถีโคจรทำให้เชื่อได้ว่าขีปนาวุธและโดรนเหล่านั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังอิสราเอล
การเปิดเผยข้อมูลล่าสุดนี้ชัดเจนกว่าที่กระทรวงกลาโหมได้ออกมาแถลงในตอนต้นว่ามีขีปนาวุธ 3 ลูก และโดรนอีกหลายลำ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายนี้ยังเผยด้วยว่าขีปนาวุธบางลูกอยู่ในระดับความสูงที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินพาณิชย์ ก่อนที่จะถูกเรือ USS Carney ยิงสกัดด้วยจรวดภาคพื้นสู่อากาศ SM-2
ก่อนหน้านี้ พลจัตวา แพท ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงโดยกองกำลังฮูตีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และมีแนวโน้มว่าขีปนาวุธเหล่านี้กำลังมุ่งโจมตีเป้าหมายในอิสราเอล
ทั้งนี้ การโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนโดยมุ่งเป้าไปที่อิสราเอลนับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณน่ากังวลที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสอาจขยายวงลุกลามออกจากฉนวนกาซา โดยนอกจากการประท้วงที่สถานทูตสหรัฐฯ ทั่วตะวันออกกลางแล้ว กองกำลังสหรัฐฯ และกองกำลังผสมในซีเรียและอิรักยังถูกโจมตีหลายครั้งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
สหรัฐฯ ไม่ได้ระบุว่าการโจมตีในอิรักและซีเรียเมื่อเร็วๆ นี้เป็นฝีมือของกลุ่มใด แต่ในอดีตนั้นกองกำลังตัวแทนของอิหร่านเคยใช้โดรนและจรวดโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ ในทั้งสองประเทศมาแล้ว
ภาพ: Melik Firat Yucel / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: