เว็บไซต์ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เผยแพร่เอกสารข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) และประกาศอัตราภาษีใหม่ ซึ่งมีหลายประเทศที่จะได้รับการปรับอัตราภาษีตอบโต้ให้ต่ำกว่าอัตราที่ประกาศไว้ในตอนแรกเมื่อวันที่ 2 เมษายน ขณะที่มี 14 ประเทศรวมถึงไทย ที่จะเผชิญอัตราภาษีตอบโต้ที่สูงกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เนื้อหาเอกสาร มีการชี้แจงถึงที่มาที่ไปของการปรับอัตราภาษี และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของทรัมป์ที่จะ “นำอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของอเมริกากลับคืนมา”
พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า “ประเทศที่ไม่จริงจังกับการแก้ไขปัญหาการกีดกันทางการค้า ทั้งในด้านภาษีศุลกากรและไม่ใช่ภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของอเมริกาและเป็นผลเสียต่อแรงงาน เกษตรกร และธุรกิจของอเมริกา กำลังเผชิญกับผลที่ตามมา”
และนี่คือรายละเอียดทั้งหมดของเอกสารข้อเท็จจริงฉบับนี้
เอกสารข้อเท็จจริง: ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ยังคงบังคับใช้ภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ และประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่
ทำเนียบขาว
7 กรกฎาคม 2025
ให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำ : วันนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่กำหนดว่า อัตราภาษีศุลกากรบางประเภท ซึ่งเดิมกำหนดให้สิ้นสุดในวันที่ 9 กรกฎาคม จะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ส่งจดหมายภาษีศุลกากรไปยังหลายประเทศ เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับภาษีศุลกากรแบบตอบโต้อัตราใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม
- ประธานาธิบดีทรัมป์ดำเนินการดังกล่าวโดยอาศัยข้อมูลและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการเจรจาการค้า
- นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แก้ไขอัตราภาษีศุลกากรเมื่อประมาณ 90 วันก่อน ประเทศต่างๆ หลายสิบประเทศได้ตกลงหรือเสนอที่จะลดอัตราภาษีศุลกากรของตนและขจัดการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร เพื่อมุ่งสู่ความสัมพันธ์ทางการค้าที่สมดุลมากขึ้นกับสหรัฐฯ
- แม้จะมีความก้าวหน้าครั้งสำคัญและเป็นประวัติศาสตร์นี้ แต่การขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯ ก็ยังคงรุนแรง
- แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเปิดรับการหารือและข้อตกลงทางการค้าเพิ่มเติม แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังดำเนินการเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าให้ก้าวไปข้างหน้า
- ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ส่งจดหมายถึงหลายประเทศเพื่ออธิบายว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป ประเทศต่างๆ จะต้องเสียภาษีศุลกากรแบบตอบโต้อัตราใหม่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้เงื่อนไขความสัมพันธ์การค้าทวิภาคีของเรามีความเท่าเทียมกันมากขึ้นในอนาคต และเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินระดับชาติที่เกิดจากการขาดดุลการค้าของสินค้าสหรัฐฯ ในปริมาณมหาศาล
- ในบางกรณี ประเทศต่างๆ จะต้องเสียภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่มีการปรับปรุงใหม่ ซึ่งต่ำกว่าอัตราที่ประกาศไว้ในตอนแรกเมื่อวันที่ 2 เมษายน
- สำหรับประเทศอื่นๆ อัตราภาษีศุลกากรแบบตอบโต้อาจสูงกว่าอัตราเดิม
- ประธานาธิบดีอาจส่งจดหมายเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยประเทศที่เขาส่งจดหมายถึงวันนี้ ได้แก่ :
- ญี่ปุ่น (25%)
- เกาหลี (25%)
- แอฟริกาใต้ (30%)
- คาซัคสถาน (25%)
- ลาว (40%)
- มาเลเซีย (25%)
- เมียนมา (40%)
- ตูนิเซีย (25%)
- บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (30%)
- อินโดนีเซีย (32%)
- บังกลาเทศ (35%)
- เซอร์เบีย (35%)
- กัมพูชา (36%)
- ไทย (36%)
นำอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของเรากลับคืนมา : คำสั่งในวันนี้ ร่วมกับจดหมายที่ส่งถึงหุ้นส่วนทางการค้า เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะนำอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของอเมริกากลับคืนมา โดยแก้ไขความสัมพันธ์ทางการค้าที่ไม่เกิดการตอบแทนหลายประการ ซึ่งคุกคามความมั่นคงทางเศรษฐกิจและชาติของเรา
- ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นนักเจรจาการค้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ กลยุทธ์ของเขาเน้นไปที่การแก้ไขความไม่สมดุลในระบบในอัตราภาษีศุลกากรของเรา ซึ่งทำให้สนามแข่งขันเอนเอียงไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อหุ้นส่วนทางการค้าของเรามานานหลายทศวรรษ
- ประเทศที่ไม่จริงจังกับการแก้ไขการกีดกันทางการค้าทั้งด้านภาษีศุลกากรและไม่ใช่ภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของอเมริกาและส่งผลเสียต่อแรงงาน เกษตรกร และธุรกิจของอเมริกา กำลังเผชิญกับผลที่ตามมา
- ประธานาธิบดีทรัมป์ยินดีต้อนรับธุรกิจของพันธมิตรทางการค้าของเราบนแผ่นดินอเมริกา เนื่องจากประเทศเหล่านี้ ทราบดีอยู่แล้วว่าจะไม่มีภาษีศุลกากรหากพวกเขาตัดสินใจสร้างหรือผลิตสินค้าในประเทศของเรา
- ประธานาธิบดีทรัมป์ให้คำมั่นว่า สหรัฐอเมริกาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว เป็นมืออาชีพ และเป็นปกติ เพื่อนำการจ้างงานด้านการผลิตกลับคืนมาสู่ชาวอเมริกัน
- ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือที่จำเป็นและทรงพลังในการให้ความสำคัญกับอเมริกามาเป็นอันดับแรก หลังจากหลายปีของการขาดดุลการค้าที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งคุกคามเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติของเรา
ปลดปล่อยอเมริกาจากการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม : นับตั้งแต่วันแรก ประธานาธิบดีทรัมป์ท้าทายสมมติฐานที่ว่า แรงงานและธุรกิจของอเมริกาต้องทนต่อการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งทำให้พวกเขาเสียเปรียบมานานหลายทศวรรษ และมีส่วนทำให้เกิดการขาดดุลการค้าครั้งประวัติศาสตร์ของเรา
- เมื่อวันที่ 2 เมษายน ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติเพื่อตอบสนองต่อการขาดดุลการค้าต่อสินค้าของสหรัฐฯ จำนวนมากและต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากการขาดความสมดุลในความสัมพันธ์การค้าทวิภาคี การกีดกันทางด้านภาษีศุลกากรและไม่ใช่ภาษีศุลกากรอย่างไม่เป็นธรรม และนโยบายเศรษฐกิจของหุ้นส่วนทางการค้าของสหรัฐฯ ที่กดทับค่าจ้างและการบริโภคในประเทศ
- ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงส่งเสริมผลประโยชน์ของประชาชนชาวอเมริกันด้วยการเรียกร้องให้คู่ค้าขจัดการกีดกันทางด้านภาษีศุลกากรและไม่ใช่ภาษีศุลกากร และขยายการเข้าถึงตลาดสำหรับผู้ส่งออกของสหรัฐฯ
- การประกาศในวันนี้ ซึ่งอิงจากหลักความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม จะช่วยนำพายุคทองมาสู่ประชาชนชาวอเมริกัน
อ้างอิง :