ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม ประกาศออกมาเพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.4% แต่หากไม่รวมส่วนของอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 6.5% ใกล้กับที่ตลาดคาดการณ์ไว้
เงินเฟ้อในระดับนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานับตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 ต่อเนื่องถึงต้นทศวรรษที่ 80 ซึ่งขณะนั้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับภาวะ Stagflation
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นตอบรับในเชิงบวกต่อการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อรอบนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลง
แอนดรูว์ ฮันเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Capital Economics มองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นน่าจะเป็นจุดพีคแล้ว
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงได้เริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยมาในการประชุมครั้งล่าสุด และคาดว่าจะขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2023 ทั้งนี้ ดัชนีราคาที่เพิ่มขึ้นมาจากหลายส่วน ได้แก่ อาหาร เพิ่มขึ้น 1% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่น ข้าว เนื้อวัว ผลไม้จำพวกส้ม และผักสด ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 2% จากเดือนก่อน ขณะที่พลังงานเพิ่มขึ้น 11% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ในขณะที่ราคาเสื้อผ้า สินค้าบริการ (ไม่รวมต้นทุนพลังงาน) เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อน เช่นเดียวกับค่าบริการขนส่งที่เพิ่มขึ้น 2% จากเดือนก่อน และ 7.7% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ในมุมกลับกันราคาของรถยนต์มือสองและรถบรรทุก ลดลง 3.8% ในเดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ก็พุ่งขึ้นมาถึง 35.3%
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP