×

หน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ ถูกเจาะระบบครั้งใหญ่ สื่อบางสำนักตั้งข้อสังเกต ‘ทรัมป์’ ปิดปากเงียบหลังรัสเซียถูกกล่าวหา

18.12.2020
  • LOADING...
หน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ ถูกเจาะระบบครั้งใหญ่ สื่อบางสำนักตั้งข้อสังเกต ‘ทรัมป์’ ปิดปากเงียบหลังรัสเซียถูกกล่าวหา

จากกรณีการรั่วไหลของข้อมูลปริมาณมหาศาลจากหลายหน่วยงานของทางการสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่สำนักข่าว Reuters ระบุว่า “ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างชาติ” ทำการฝังมัลแวร์เข้าไปในเวอร์ชันอัปเดตของโปรแกรมชื่อ Orion ของบริษัท SolarWinds ที่ให้บริการด้านการจัดการเครือข่ายคอมพิวเตอร์แก่ลูกค้า ซึ่งลูกค้าเหล่านี้รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวนมากนั้น

 

ล่าสุด SolarWinds ออกมาแถลงยอมรับว่าได้ส่งคำเตือนไปยังลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์นี้ทั้ง 33,000 องค์กรแล้ว แม้ทางบริษัทจะเชื่อว่าจำนวนองค์กรที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ในเวอร์ชันอัปเดตดังกล่าวจะอยู่ที่น้อยกว่า 18,000 องค์กรก็ตาม และมีคำยืนยันว่าบางหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของข้อมูลจริง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ซึ่งแม้จะยังไม่สามารถระบุผลกระทบที่ชัดเจนได้ทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่ทางการแสดงความกังวลถึงการเข้าถึงส่วนสำคัญ อาทิ เซิร์ฟเวอร์อีเมล รวมถึงมีการตั้งข้อสงสัยว่าแฮ็กเกอร์กลุ่มดังกล่าวอาจมีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทางการรัสเซียก็ออกมาปฏิเสธความเชื่อมโยงกับกรณีดังกล่าวแล้ว และนอกจากนี้ยังพบมัลแวร์ดังกล่าวในภาคเอกชนอีกหลายพันองค์กร

 

ล่าสุด สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI), สำนักงานความปลอดภัยทางไซเบอร์และความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯ (CISA) และสำนักงานผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (ODNI) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น เกี่ยวกับมาตรการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิ FBI กำลังสอบสวนหาตัวผู้ที่กระทำการดังกล่าว รวมถึงแสวงหาข่าวกรองเพื่อให้หน่วยงานรัฐอื่นๆ ดำเนินการต่อไป ส่วน CISA ก็ออกคำสั่งฉุกเฉินเกี่ยวกับการตัดการเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ที่มีปัญหาทันที ตลอดจนให้ข้อมูลและคำแนะนำทางเทคนิคแก่หน่วยงานต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ CISA ยังออกคำเตือนว่า กรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่อรัฐบาลในระดับต่างๆ ซึ่งรวมถึงรัฐบาลกลาง ตลอดจนหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและองค์กรภาคเอกชนอื่นๆ

 

ด้านโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไประบุในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งถึงความจำเป็นที่ต้องยับยั้งการโจมตีทางไซเบอร์

 

“ฝ่ายตรงข้ามของเราควรทราบว่าผม ในฐานะประธานาธิบดี จะไม่นิ่งเฉยเมื่อเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ในประเทศของเรา” แถลงการณ์ระบุ

 

แต่สำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สื่อบางสำนัก อาทิ CNN และ The Washington Post ตั้งข้อสังเกตว่า ทรัมป์กลับยังไม่มีปฏิกิริยาหรือถ้อยแถลงใดๆ กับเรื่องนี้ โดยสื่อเหล่านี้เชื่อมโยงกรณีดังกล่าวเข้ากับท่าทีเพิกเฉยที่จะวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงปฏิกิริยาต่อรัสเซียของทรัมป์ในกรณีต่างๆ ก่อนหน้านี้ อาทิ กรณีทหารสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเผชิญหน้ากับทหารรัสเซียในซีเรียช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หรือกรณีที่สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรมีมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูง 6 รายของรัสเซียที่ใกล้ชิดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน หลังจากเกิดการลอบวางยาพิษ อเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย เป็นต้น

 

CNN ยังรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ไม่ปรากฏว่ามีผู้บริหารสูงสุดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหม, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงยุติธรรม, ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ หรือสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด และหลังการประชุม ทรัมป์ก็ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้เช่นกัน นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังไม่ได้บรรจุการบรรยายสรุปด้านข่าวกรองลงไปในตารางภารกิจประจำวันของทรัมป์มาตั้งแต่เดือนตุลาคม แม้เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ จะยืนยันว่ามีการบรรยายสรุปในเรื่องดังกล่าวเป็นระยะแม้จะไม่ปรากฏในตารางภารกิจก็ตาม และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันกับ CNN ว่า มีการบรรยายสรุปกรณีการถูกแฮ็กข้อมูลดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ความเคลื่อนไหวของทรัมป์บนทวิตเตอร์ส่วนใหญ่เป็นการทวีตข้อความเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเท่านั้น

 

แต่อีกด้านหนึ่งแหล่งข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้ โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ได้ตัดสินใจลดระยะเวลาการเดินทางไปยุโรปของเขาเพื่อกลับมาประชุมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวที่วอชิงตัน ดี.ซี. รวมถึงทำเนียบขาวก็มีการประชุมกันทุกวันกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเพื่อหารือในเรื่องนี้ ส่วนสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนระบุว่า พวกเขาไม่เห็นว่าการไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ของทรัมป์จะเป็นปัญหา เพราะรัฐบาลของทรัมป์กำลังสืบสวนกรณีนี้อยู่ โดยมาร์โก รูบิโอ ประธานคณะกรรมาธิการการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันระบุว่า เขาอยากเตือนทุกคนเกี่ยวกับการพูดข้อสรุปใดๆ ในขณะที่ยังมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆ อยู่

 

ส่วน มิตต์ รอมนีย์ ส.ว. จากพรรครีพับลิกัน ที่มักวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์​ระบุว่า ทำเนียบขาวควรมีปฏิกิริยาที่ดุดันเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเปรียบเทียบว่ากรณีนี้เปรียบเสมือนการที่มีเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย ที่ตรวจจับไม่พบบินอยู่ทั่วไปในสหรัฐอเมริกา

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising