การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายและทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ โดยวานนี้ (27 ตุลาคม) สองผู้สมัครชิงตำแหน่งคือ โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ต่างเดินสายปราศรัยหาเสียงกันอย่างเข้มข้น โดยไบเดนลงพื้นที่รัฐจอร์เจีย ฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ขณะที่ทรัมป์เดินสายใน 3 รัฐที่เป็น Swing States แถบมิดเวสต์อย่าง วิสคอนซิน มิชิแกน และเนแบรสกา ที่เขาเคยคว้าชัยชนะได้ในปี 2016
ที่เมืองแลนซิง เมืองเอกของรัฐมิชิแกน ทรัมป์พยายามปราศรัยชี้ถึงความสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ และเตือนว่าความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของรัฐมิชิแกนอาจริบหรี่ลง หากไบเดนชนะการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังส่งข้อความไปถึงกลุ่มแม่บ้านชานเมือง หรือ Suburban Women ที่เป็นกลุ่มหญิงวัยกลางคนมีฐานะ โดยให้คำมั่นว่าจะทำให้สามีของพวกเธอกลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากโพลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่าทรัมป์พ่ายแพ้ในการเอาชนะใจผู้ลงคะแนนกลุ่มนี้
“สามีของคุณ พวกเขาต้องการกลับไปทำงานใช่ไหม เราจะทำให้สามีของคุณได้กลับไปทำงาน” ทรัมป์กล่าว
นอกจากนี้เขายังโจมตีไบเดนว่าเป็นเชียร์ลีดเดอร์ให้แก่ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA ซึ่งเขามองว่าเป็นภัยพิบัติต่ออุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ และอาจทำให้การจ้างงานในอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ ลดลงกว่า 1 ใน 3
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางออกจากทำเนียบขาว ทรัมป์ยังแสดงความเห็นวิจารณ์การลงคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ซึ่งตอนนี้มีชาวอเมริกันใช้สิทธิ์ไปแล้วกว่า 46 ล้านคน โดยทรัมป์มองว่าข้อเสียของการลงคะแนนทางไปรษณีย์ที่ต้องใช้เวลารวบรวมและนับคะแนนนานหลายวันหรือหลายสัปดาห์อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนที่จะทราบผลผู้ชนะการเลือกตั้งได้ภายในวันเดียว
ทรัมป์ซึ่งเพิ่งหายจากอาการป่วยโควิด-19 ได้ไม่ถึง 1 เดือน วางแผนที่จะเดินสายหาเสียงถึง 11 แห่งในช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน
ทางด้านไบเดนได้ขึ้นเวทีปราศรัยในรัฐจอร์เจีย ประกาศคำมั่นว่าจะเป็นประธานาธิบดีที่สร้างความปรองดอง ไม่แบ่งแยก และเป็นผู้ที่สามารถเยียวยารักษาสหรัฐฯ ได้ พร้อมโจมตีจุดอ่อนของทรัมป์ในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วมากกว่า 2.25 แสนคน ซึ่งเขาระบุถึงทรัมป์ว่าเป็นพวกละเลย หยิ่งผยอง และยอมจำนนต่อวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้
ที่ผ่านมารัฐจอร์เจียถือเป็นฐานเสียงของรีพับลิกัน และผู้สมัครจากเดโมแครตไม่เคยเอาชนะในรัฐนี้ได้เลยนับตั้งแต่ปี 1992 แต่โพลสำรวจความเห็นล่าสุดชี้ว่าทรัมป์และไบเดนมีคะแนนนิยมในรัฐนี้สูสีกัน
นอกเหนือจากผู้สมัครทั้งสอง พบว่าคนใกล้ชิดของแต่ละฝ่ายต่างก็ช่วยเดินสายหาเสียงด้วย โดยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ลงพื้นที่ในรัฐฟลอริดา หาเสียงให้กับอดีตรองประธานาธิบดีของเขา
ขณะที่ เมลาเนีย ทรัมป์ ภริยาและสตรีหมายเลขหนึ่ง ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเพียงคนเดียวเป็นครั้งแรกที่รัฐเพนซิลเวเนีย โดยวิจารณ์ไบเดนว่าเป็นพวกนักสังคมนิยม และตั้งคำถามว่าไบเดนจะเป็นประธานาธิบดีที่ดีกว่าทรัมป์ได้จริงหรือ
“ชาวอเมริกันสามารถดูที่ผลงานของไบเดนตลอด 36 ปีในสภาคองเกรส และ 8 ปีในฐานะรองประธานาธิบดี และตัดสินใจได้ว่าเขาจะสามารถทำบางสิ่งให้สำเร็จเพื่อประชาชนชาวอเมริกันได้หรือไม่” เมลาเนียกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: