×

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 -​ วิเคราะห์ 3 เส้นทางพิชิตรัฐสำคัญ พาทรัมป์-ไบเดน ครองทำเนียบขาว

โดย Master Peace
31.10.2020
  • LOADING...
เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 -​ วิเคราะห์ 3 เส้นทางพิชิตรัฐสำคัญ พาทรัมป์-ไบเดน ครองทำเนียบขาว

ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเปิดฉากในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ยังคงคาดเดาได้ยากว่าผู้ชนะจะเป็นใคร ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน หรือโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ขณะที่ The Washington Post วิเคราะห์ 3 เส้นทางแห่งชัยชนะที่เป็นไปได้มากที่สุด สำหรับทั้งสองผู้สมัครไว้ดังนี้

 

เส้นทางสู่ชัยชนะของทรัมป์

  1. ฟลอริดา, ฟลอริดา, ฟลอริดา (+รัฐทางใต้+รัฐอื่นอีกนิดหน่อย)

 

เส้นทางนี้ เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางสู่ชัยชนะที่สมเหตุสมผลมากที่สุดสำหรับทรัมป์ 

 

โดยรัฐฟลอริดาถือเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แทบทุกสมัย เนื่องจากจำนวนคณะผู้เลือกตั้งในรัฐนี้มีมากถึง 29 เสียง (เป็นอันดับ 2 รองจากเท็กซัส หากนับเท็กซัสอยู่ในกลุ่มรัฐสวิงสเตท (Swing States) 

 

ขณะที่การเอาชนะในรัฐนี้ถือเป็นความท้าทาย เพราะความหลากหลายของประชากรในรัฐนี้ ทำให้การเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาเป็นรัฐที่มีความสูสี และผู้ชนะมีคะแนนเฉือนคู่แข่งเพียงประมาณ 1% 

 

พัฒนาการใหม่ที่มีนัยสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือการแข่งขันภายในรัฐสีแดง หรือรัฐที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกันบางรัฐ ในแถบครึ่งใต้ของประเทศ  

 

ซึ่งพรรคเดโมแครตมีความหวังสูง ว่าความพยายามของพวกเขาในช่วงโค้งสุดท้าย จะช่วยให้สามารถพลิกเอาชนะในรัฐตอนใต้อย่างแอริโซนา จอร์เจีย และเท็กซัส 

 

แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น และเป็นทรัมป์ที่สามารถคว้าชัยในรัฐสีแดงทางใต้เหล่านี้ได้ทั้งหมด พ่วงด้วยชัยชนะในฟลอริดา เช่นเดียวกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ก็จะทำให้โอกาสชนะของทรัมป์มีสูงขึ้น ด้วยคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งถึง 235 เสียง นำหน้าไบเดนกว่า 30 เสียง และเข้าใกล้เป้าหมายในการคว้าชัยด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียง 

 

และยิ่งกว่านั้น หากทรัมป์เก็บชัยชนะใน 2 รัฐแถบมิดเวสต์ อย่างไอโอวา และโอไฮโอ ที่เขาเคยชนะในปี 2016 ด้วยคะแนนนำกว่า 8% ก็จะทำให้เขามีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งสูงถึง 259 เสียง และต้องการอีกเพียง 11 เสียงจากบางรัฐ เช่นมิชิแกนหรือเพนซิลเวเนีย ก็จะเพียงพอในการคว้าตั๋วก้าวสู่ทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 

 

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์รวบรวมโพลสำรวจความคิดเห็น realclearpolitics.com ยังชี้ว่าไบเดนนั้นมีคะแนนนำหน้าทรัมป์ ในเกือบทุกรัฐที่เป็นสวิงสเตทที่ยังไม่ตัดสินใจชัดเจน รวมถึงมิชิแกนและเพนซิลเวเนีย ขณะที่ไอโอวาและโอไฮโอนั้นทั้งสองยังคงสูสีกัน ซึ่งหากเดโมแครตพ่ายแพ้ในฟลอริดาและรัฐทางใต้ที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกัน ก็เป็นไปได้ที่ทรัมป์จะคว้าชัยในรัฐสวิงสเตทอื่นๆ เช่นกัน

 

  1. ทรัมป์ทำได้ดีกว่าที่คาดในแถบมิดเวสต์/เขตอุตสาหกรรมอีกครั้ง

 

ช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียง ทรัมป์มุ่งเน้นไปยังหลายรัฐแถบมิดเวสต์ โดยเฉพาะมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ที่อาจส่งให้เขาคว้าชัยชนะได้ โดยในการเลือกตั้งปี 2016 รัฐเหล่านี้เป็นรัฐที่สูสีและตัดสินชี้ขาดกันด้วยคะแนนเสียงห่างกันไม่ถึง 1% 

 

แต่สำหรับครั้งนี้ โพลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่าไบเดนมีคะแนนนำในรัฐเหล่านี้ทั้งหมด โดยเฉพาะรัฐมิชิแกน ที่ไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์กว่า 8.6% 

 

แต่หากทรัมป์เกิดคว้าชัยชนะในรัฐเหล่านี้ได้ทั้งหมดอีกครั้ง รวมถึงรัฐข้างเคียงอย่างมินนิโซตา ไอโอวา และโอไฮโอ เมื่อรวมกับรัฐสีแดงอื่นๆ จะทำให้เขาได้จำนวนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งถึง 260 เสียง 

 

และในสถานการณ์นี้ เพียงแค่เขาชนะในรัฐที่มีคณะผู้เลือกตั้งเกิน 10 เสียงขึ้นไป ก็จะทำให้เขาคว้าชัยชนะได้สำเร็จ ซึ่งแนวทางสู่ชัยชนะนั้นเป็นไปได้หลากหลาย เช่น

 

  • ชนะในฟลอริดา (คณะผู้เลือกตั้ง 29 เสียง)
  • ชนะในรัฐสีแดงอย่างแอริโซนา (คณะผู้เลือกตั้ง 11 เสียง) หรือนอร์ทแคโรไลนา (คณะผู้เลือกตั้ง 15 เสียง)
  • ชนะในหลายรัฐเล็กอย่าง เนวาดา นิวแฮมป์เชียร์ เมน และเขตรัฐสภาที่ 2 แห่งรัฐเนแบรสกา 

 

แต่หากทรัมป์พ่ายแพ้ในมิชิแกน ที่มีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง เขาก็ยังมีโอกาสชนะเลือกตั้ง แต่ต้องเก็บแต้มให้ได้ในฟลอริดา แอริโซนา หรือนอร์ทแคโรไลนา

 

  1. โพลสำรวจความคิดเห็นคลาดเคลื่อน

กรณีหนึ่งที่มีการตั้งคำถาม คือผลเลือกตั้งจะออกมาในรูปแบบใด หากโพลสำรวจความคิดเห็นเกิดไม่แม่นยำและมีความคลาดเคลื่อนจากปัจจัยบางอย่าง อาทิ ทฤษฎี Shy Trump Voter หรือกลุ่มผู้ลงคะแนนสนับสนุนทรัมป์ที่เหนียมอายและตกสำรวจ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางอย่างขึ้นในวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 

 

คำตอบที่ได้คือ การชิงชัยจะดุเดือดมากขึ้น และมีแนวโน้มเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะชนะ ซึ่งอ้างอิงจากโพลสำรวจทั่วสหรัฐฯ ณ ปัจจุบัน ที่ไบเดนมีคะแนนนำหน้าทรัมป์ราว 7% จะเห็นได้ว่าหากโพลเกิดคลาดเคลื่อน และเอียงไปทางทรัมป์ราว 5% จะทำให้ทรัมป์ เก็บชัยชนะ และได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งสูงถึง 296 เสียง 

 

ไบเดนจะชนะได้อย่างไร?

  1. ครองพื้นที่ของตนเองไว้

ไบเดน เพียงกุมชัยชนะให้ได้ในรัฐที่เขามีคะแนนนำชัดเจนในโพลสำรวจ ซึ่งหากโพลคลาดเคลื่อนไม่เกิน 3% โอกาสที่ไบเดนจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งก็เป็นไปได้สูง และหากไม่พลิกโผในรัฐสำคัญอย่างเพนซิลเวเนีย (มีคณะผู้เลือกตั้ง 20 เสียง) ก็เป็นไปได้ที่เขาจะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งถึง 279 เสียง 

 

ขณะที่ไบเดนไม่จำเป็นต้องคว้าชัยในรัฐฟลอริดา ซึ่งแนวทางนี้ดูจะมีความเป็นไปได้ และสมเหตุสมผลมากที่สุดสำหรับไบเดน ในการคว้าชัยชนะและขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดี

 

  1. ฟลอริดา, ฟลอริดา, ฟลอริดา (อีกครั้ง)

ในอีกแนวทาง หากทรัมป์คว้าชัยชนะในรัฐฟลอริดาได้สำเร็จ เมื่อรวมกับรัฐที่เลือกเดโมแครต ในปี 2016 จะทำให้ไบเดนมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งแล้ว 262 เสียง และต้องการชัยชนะในรัฐใหญ่อีกเพียงรัฐเดียว เช่น แอริโซนา, มิชิแกน, นอร์ทแคโรไลนา, โอไฮโอ, เพนซิลเวเนีย หรือวิสคอนซิน ก็จะทำให้เขาชนะเลือกตั้ง 

 

ซึ่งหมายความว่า หากไบเดนคว้าชัยชนะในฟลอริดาได้ โอกาสที่เขาจะพ่ายแพ้ต่อทรัมป์นั้นก็ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก

 

  1. กวาดชัยชนะในรัฐสีแดง

หนึ่งในสิ่งที่อาจเกิดขึ้น คือไบเดนเก็บชัยชนะได้ใน 3 รัฐสำคัญที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกัน อย่างแอริโซนา จอร์เจีย และเท็กซัส ซึ่งไบเดนและทรัมป์มีคะแนนนิยมใกล้เคียงกันใน 3 รัฐนี้ โดยไบเดนมีคะแนนนำในแอริโซนา 2.2% และเสมอกับทรัมป์ในจอร์เจีย ส่วนในเท็กซัสเป็นทรัมป์ที่มีคะแนนนำ 2.6% 

 

แล้วจะเป็นอย่างไร หากไบเดนเอาชนะในรัฐเหล่านี้ได้?

 

เท็กซัสนั้นเป็นตัวตัดสินที่สำคัญ ด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้งที่สูงถึง 38 เสียง ซึ่งหากไบเดนพลิกชนะในรัฐนี้ จะทำให้เขาได้เปรียบทรัมป์อย่างมาก ซึ่งเมื่อรวมกับรัฐที่เป็นฐานเสียงของเดโมแครต จะทำให้ไบเดนมีคณะผู้เลือกตั้งอยู่ในมือแล้ว 249 เสียง และต้องการอีกเพียง 21 เสียง

 

ขณะที่จอร์เจียเป็นอีกรัฐที่ยากจะเปลี่ยนแปลงจากสีแดงเป็นน้ำเงิน ซึ่งไบเดนมีโอกาสพลิกโผได้ หากเอาชนะในรัฐข้างเคียงอย่างนอร์ทแคโรไลนา หรือฟลอริดา ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากไบเดนเอาชนะในจอร์เจีย คือเขาได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งรวม 242 เสียง และต้องการอีก 28 เสียง ซึ่งฟลอริดาถือเป็นเป้าหมายสำคัญ ด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 29 เสียง

 

ส่วนแอริโซนาก็เหมือนจอร์เจีย ที่ไบเดนยากจะเอาชนะได้ แต่หากไบเดนเกิดพลิกเอาชนะได้สำเร็จจริงๆ จำนวนคณะผู้เลือกตั้งที่ได้ก็ยังน้อยกว่าจอร์เจียและเท็กซัส แม้จะรวมเอารัฐข้างเคียงอย่างเนวาดา ก็ยังมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งเพียงประมาณ 228 เสียง ซึ่งต้องการอีกถึง 42 เสียง

 

บทสรุปจะเป็นอย่างไร ออกหน้าไหน ใครจะเป็นผู้ชนะ สหรัฐฯ จะได้ประธานาธิบดีคนที่ 46 หรือไม่ อีกไม่นานจะได้คำตอบ

 

ติดตามผลเลือกตั้งรัฐต่อรัฐในเว็บไซต์พิเศษ US ELECTION 2020 พร้อมสถานการณ์ล่าสุดและบทความเจาะลึก ได้ที่นี่ https://thestandard.co/us-election-2020/

 

ภาพ: Shutterstock

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising