จีนและสหรัฐฯ ประกาศสงบศึกทางการค้าชั่วคราว หลังการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ โดยบรรลุข้อตกลงสำคัญ ซึ่งจะส่งผลให้มีการลดภาษีศุลกากรและยกเลิกมาตรการตอบโต้อื่นๆ ระหว่างกัน เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (14 พฤษภาคม)
ข้อตกลงดังกล่าวยังถือเป็นการลดระดับความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลกรวมถึงไทย
และนี่คือรายละเอียดของดีลฉบับนี้และสิ่งที่จะเกิดขึ้น
สงบศึกภาษี 90 วัน
- หลังการเจรจา จีนและสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม โดยย้ำความสำคัญด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี ต่อทั้งสองประเทศและเศรษฐกิจโลก และตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ยั่งยืนในระยะยาวและเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน
- โดยเงื่อนไขสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ คือเรื่องการลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน และยกเลิกมาตรการตอบโต้บางอย่าง แต่หลักๆ มุ่งเน้นเฉพาะภาษีและมาตรการตอบโต้ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนเป็นต้นมา
- ก่อนการเจรจานั้น อัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าจีนพุ่งไปสูงถึง 145% ในจำนวนนี้ 125% กำหนดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ที่ทรัมป์ เรียกว่าเป็น ‘วันปลดแอก’
- ในขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 125% และกำหนดมาตรการตอบโต้อื่นๆ เช่นจำกัดการส่งออกแร่หายากหรือ Rare Earth บางชนิด
- ภายหลังเจรจา ฝ่ายสหรัฐฯ ตกลงที่จะปรับแก้หรือยกเลิกคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ ที่ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ซึ่งส่งผลให้ลดการเก็บภาษีสินค้าจีนรวม 115% เป็นเวลา 90 วัน ในจำนวนนี้รวมถึงภาษีศุลกากรตอบโต้ 34% ซึ่งสหรัฐฯ ตกลงลดมาอยู่ระดับพื้นฐานที่ 10%
- ส่วนอัตราภาษี 20% ที่บังคับใช้ตั้งแต่ก่อนวันที่ 2 เมษายน เพื่อกดดันให้จีนปราบปรามการลักลอบส่งยาเสพติดเฟนทานิลไปยังสหรัฐฯ จะยังคงมีการเรียกเก็บต่อไป ส่งผลให้สหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีจากสินค้าจีนที่ 30%
- ในขณะที่จีนก็จะลดภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ลง 115% เป็นเวลา 90 วัน เช่นกัน โดยยังคงเรียกเก็บภาษีในอัตรา 10%
- อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าประเภท รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ที่ผลิตในจีน ยังคงต้องเผชิญกับภาษีที่สหรัฐฯ บังคับใช้แยกกัน
ระงับบางมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
- จีนยังตกลงที่จะยกเลิกบางมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา แม้จะไม่ชัดเจนว่าจะสามารถยกเลิกมาตรการเหล่านี้ได้อย่างไร
- หนึ่งในมาตรการที่เป็นประเด็น คือการที่จีนเพิ่มแร่หายากบางชนิดในรายชื่อที่ต้องควบคุมการส่งออก อีกทั้งยังเปิดการสอบสวนการทุ่มตลาดของบริษัท DuPont บริษัทเคมีภัณฑ์สัญชาติอเมริกัน ตลอดจนขึ้นบัญชีดำบริษัทด้านการป้องกันประเทศและบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ บางแห่ง โดยห้ามทำการค้าและการลงทุนกับจีน
- ข้อความในข้อตกลงระบุว่า บริษัทเหล่านี้จะถูกลบออกจากรายชื่อในบัญชีดำ และระงับการสอบสวนการทุ่มตลาดต่อ DuPont
- โดยการยกเลิกมาตรการตอบโต้นี้ ครอบคลุมมาตรการที่บังคับใช้หลังวันที่ 2 เมษายนเช่นกัน ทำให้ไม่รวมถึง 12 บริษัทอเมริกัน ที่ถูกขึ้นบัญชีดำในเดือนมีนาคม และการสอบสวนการทุ่มตลาดของ Google ที่ประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ยังคงดำเนินต่อไป
- สำหรับกรณีของแร่หายาก เนื่องจากการตัดสินใจของจีนจะมีผลกับทุกประเทศ จึงไม่ชัดเจนว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะถือเป็นการยกเลิกมาตรการที่มีต่อสหรัฐฯ แค่ประเทศเดียวหรือไม่
- หลังจากดำเนินการตามเงื่อนไขข้อตกลงแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งกลไกการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป
- โดยคณะผู้แทนเจรจาจะยังคงเป็นชุดเดิม ฝ่ายจีนคือ เหอลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ส่วนฝ่ายสหรัฐฯ คือ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และ เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ
- ขณะที่การหารืออาจจัดขึ้นสลับกันในจีนและสหรัฐฯ หรือในประเทศที่สามตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย และทั้งสองฝ่ายอาจจัดการปรึกษาหารือระดับปฏิบัติการในประเด็นเศรษฐกิจและการค้าที่เกี่ยวข้องหากจำเป็น
จะเกิดอะไรขึ้นหลังผ่าน 90 วัน?
- ข้อตกลงฉบับนี้ถือเป็นข้อตกลงสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ทั่วโลกสนับสนุนและจับตามอง ว่าอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการค้าของทั้งสองประเทศพัฒนาไปในแง่บวกมากขึ้น
- หลังผ่านพ้น 90 วัน ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้กลับมาเรียกเก็บภาษีในอัตราสุดโต่งเช่นเดิม เนื่องจากการขึ้นภาษีบางส่วนถูกยกเลิกไปแล้ว โดยอัตราภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดต่อสินค้าจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 54% ส่วนอัตราภาษีที่จีนเรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 34%
- อย่างไรก็ตาม การเจรจาระหว่างทั้งสองรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้นอาจมีการบรรลุข้อตกลงอื่นๆ เพิ่มเติม
- โดย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าความเห็นพ้องจากทั้งสองประเทศคือ “ไม่มีฝ่ายใดต้องการแยกทาง”
- ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า “ข้อตกลงดังกล่าวเป็นก้าวหนึ่งของการ วางรากฐานเพื่อเชื่อมความแตกต่างและกระชับความร่วมมือ” ระหว่างจีนและสหรัฐฯ
อ้างอิง: