×

สหรัฐฯ-จีน เห็นชอบกรอบปฏิบัติข้อตกลงการค้า ยุติข้อพิพาทภาษี-ควบคุมการส่งออก

12.06.2025
  • LOADING...
ข้อตกลงการค้า

สหรัฐอเมริกาและจีนเห็นชอบในหลักการของ ‘กรอบปฏิบัติ’ เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงพักรบทางการค้า หลังการเจรจา 2 วันที่กรุงลอนดอน โดยมุ่งลดแรงตึงเครียดและคลี่คลายมาตรการจำกัดการส่งออก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตทั่วโลก

 

หลี่เฉิงกัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน และหัวหน้าคณะเจรจา บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทั้งสองฝ่ายบรรลุความเข้าใจร่วมกันจากการเจรจารอบก่อนที่กรุงเจนีวา และจากการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกรอบดังกล่าวจะถูกนำเสนอให้ผู้นำของทั้งสองฝ่ายอนุมัติก่อนจะเริ่มบังคับใช้

 

ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ใน Truth Social ยืนยันว่า “ข้อตกลงกับจีนเสร็จสิ้นแล้ว” พร้อมเปิดเผยว่า ข้อตกลงรวมถึงการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการส่งออก และการอนุญาตให้นักศึกษาจีนกลับมาเรียนในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ หลังจากก่อนหน้านี้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ประกาศนโยบายเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีนในบางกลุ่มอย่างเข้มงวด

 

โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า “แร่หายากและแม่เหล็กจะถูกส่งมอบล่วงหน้าอย่างเต็มจำนวน” ตามข้อตกลงใหม่ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญของกรอบข้อตกลงฉบับนี้

 

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนได้ออกข้อบังคับใหม่ในการอนุญาตส่งออกแร่บางชนิด เพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้การส่งออกแร่หายากของจีนไปยังต่างประเทศลดลงอย่างมาก กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั้งในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 

 

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เองก็ได้ใช้มาตรการตอบโต้เช่นกัน ทั้งการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้กับจีน รวมถึงเตือนบริษัทสหรัฐฯ ไม่ให้ใช้ชิป AI จากหัวเว่ย

 

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวผ่าน Fox News ว่า การเจรจารอบล่าสุดจะเน้นไปที่ “การลดระดับความขัดแย้ง” (De-escalation) มากกว่าการทำข้อตกลงการค้าฉบับใหญ่ พร้อมระบุว่า “ไม่มีใครอยากแยกขาด” แต่ต้องการการค้าอย่างเป็นธรรม

 

ในมุมของจีน เหอลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อทางการว่า “ไม่มีใครชนะในสงครามการค้า จีนไม่ต้องการสู้ แต่ก็ไม่กลัวจะต้องสู้” พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ เคารพกติกาการค้าโลก และหยุดใช้มาตรการฝ่ายเดียวที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก

 

แม้มีสัญญาณบวกจากการเจรจาในลอนดอน แต่ตัวเลขการส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมยังคงลดลงถึง 34.5% เมื่อเทียบปีต่อปี สะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากข้อพิพาทด้านการค้า และมาตรการคว่ำบาตรด้านเทคโนโลยีที่ยังไม่ถูกยกเลิก

 

นอกจากนี้ ความขัดแย้งเรื่องเทคโนโลยีระดับสูงยังคงดำเนินต่อ โดยเฉพาะความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะจำกัดไม่ให้จีนเข้าถึงชิปความเร็วสูงที่ใช้ในปัญญาประดิษฐ์และอาวุธขั้นสูง

 

อย่างไรก็ตาม หัวเว่ย ซึ่งเคยถูกคว่ำบาตรในยุคทรัมป์ กลับมาเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่น Mate 60 ที่ใช้ชิปขั้นสูงของตัวเองได้ในปี 2023 แม้ยังตามหลังเทคโนโลยีอเมริกันอยู่หนึ่งเจเนอเรชันก็ตาม

 

เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ให้สัมภาษณ์กับ People’s Daily ว่า สหรัฐฯ “ประเมินศักยภาพหัวเว่ยเกินจริง” แต่จีนจะสามารถชดเชยข้อจำกัดเรื่องชิป ด้วยเทคโนโลยีการรวมชิปหลายตัวเข้าด้วยกัน (Chip Stacking)

 

หลี่เฉิงกัง กล่าวปิดท้ายว่า ความคืบหน้าของการเจรจาในลอนดอน เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเชื่อมั่นและพัฒนาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้ยั่งยืนขึ้น

 

ข้อตกลงนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญว่า สหรัฐฯ และจีนจะสามารถเดินหน้าสู่การ ‘รีบาลานซ์’ การค้าระหว่างกันได้จริง หรือจะกลับเข้าสู่ช่วงเวลาที่สงครามภาษีและเทคโนโลยีปะทุขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้

 

ภาพ: KEYSTONE / EDA / Martial Trezzini) /Handout via REUTERS 

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising