×

เตรียมพบกับรถใหม่ที่น่าสนใจปี 2019

08.01.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • Suzuki Jimny คือรถยนต์อีกรุ่นที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดตั้งแต่มีการเปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2018 ที่ญี่ปุ่น ด้วยรูปทรงที่ดูน่ารัก กะทัดรัด มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งสามารถครองใจผู้ใช้รถแบบขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กมาโดยตลอด ซึ่งมียอดจำหน่ายทั่วโลกรวมแล้วกว่า 2.85 ล้านคันเลยทีเดียว
  • New BMW 3 Series นับเป็นการรอคอยที่ยาวนานถึง 7 ปีสำหรับการเปลี่ยนโฉมของ BMW 3 Series รุ่นใหม่ล่าสุด เจเนอเรชันที่ 7 ที่มีรหัสตัวถัง (G20) ด้วยรูปทรงภายนอกที่ใช้ภาษาการออกแบบเดียวกับรถ BMW ยุคใหม่รุ่นอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ สังเกตได้จากกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่แบบชิ้นเดียว เชื่อมต่ออย่างลงตัวกับไฟหน้า LED ซึ่งกลมกลืนกับกันชนหน้าได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยช่องลมรูปตัว T ที่กันชนหน้าทั้งสองด้าน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่องดักอากาศของเครื่องบินในอดีต
  • New Mazda 3 จุดเด่นของรถรุ่นนี้ได้แก่ความพิถีพิถันในการออกแบบตามแนวทางของ Mazda ที่เรียกว่า KODO Design ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชันที่ 2 แล้ว รูปทรงภายนอกถูกขัดเกลาพื้นผิวของตัวรถให้มีความเรียบเนียน โดยลดเส้นสายที่ไม่จำเป็นออกเกือบหมด ทำให้รูปทรงของรถดูแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรุ่น 5 ประตูที่ถอดแบบมาจากรถต้นแบบ KAI Concept นั่นเอง ภายในถูกออกแบบใหม่หมด เรียบหรูสไตล์รถยุโรป แต่ยังคงแนวคิด Less is more

และแล้วปี 2018 ก็ผ่านไปกับการเปิดตัวรถใหม่มากมายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ที่มีให้เลือกตั้งแต่รถไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง FOMM ราคา 6 แสน ไปจนถึงรถซูเปอร์เอสยูวี ราคา 20 กว่าล้าน อย่าง Lamborghini Urus เป็นต้น สำหรับปี 2019 นี้ เรามาดูกันว่าค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่รุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง

 

All New Suzuki Jimny

นี่คือรถยนต์อีกรุ่นที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดตั้งแต่มีการเปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2018 ที่ญี่ปุ่น ด้วยรูปทรงที่ดูน่ารัก กะทัดรัด มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งสามารถครองใจผู้ใช้รถแบบขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กมาโดยตลอด ซึ่งมียอดจำหน่ายทั่วโลกรวมแล้วกว่า 2.85 ล้านคันเลยทีเดียว รถรุ่นใหม่นี้นับเป็นเจเนอเรชันที่ 4 ของตระกูล นี่คือรถขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-time 4WD ที่ยังคงเอกลักษณ์โครงสร้างตัวถังแบบครอบทับเฟรม (Ladder Frame) ช่วงล่างคานแข็งแบบ 3 Link Suspension การออกแบบตัวถังภายนอกทำได้ลงตัวมากกับแนวคิด Professional Tools มีการใช้ DNA ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่นในอดีตมาใช้ในการออกแบบได้อย่างกลมกลืน เช่น ไฟหน้าทรงกลม กระจังหน้าแนวตั้ง 5 ช่อง และฝากระโปรงหน้าทรงเหลี่ยม รถรุ่นนี้มีให้เลือก 2 เวอร์ชันคือ Jimny และ Jimny Sierra ซึ่งในรุ่น Jimny Sierra มีมิติความกว้างที่มากกว่า สูงกว่า และยาวกว่ารุ่น Jimny เล็กน้อย (สังเกตได้จากโป่งล้อที่ถูกเสริมขึ้นมาให้กว้างขึ้น) แต่ระยะฐานล้อนั้นเท่ากัน

 

 

ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย เน้นการใช้งานแบบสมบุกสมบัน ห้องโดยสารถูกขยายให้กว้างมากขึ้น นั่งสบายขึ้นกว่ารุ่นเดิม สำหรับขุมพลังนั้นบ้านเราน่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 102 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-time คาดว่ารถรุ่นนี้จะได้รับความนิยมในบ้านเราอย่างแน่นอน (ถ้าราคาสมเหตุสมผลนะครับ)

 

 

All New Mazda 3

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัว Mazda 3 เจเนอเรชันที่ 4 เป็นครั้งแรกที่งาน Los Angeles Auto Show ทั้งรุ่น 4 ประตูซีดาน และ 5 ประตูแฮตช์แบ็ก จุดเด่นของรถรุ่นนี้ได้แก่ความพิถีพิถันในการออกแบบตามแนวทางของ Mazda ที่เรียกว่า KODO Design ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชันที่ 2 แล้ว

 

รูปทรงภายนอกถูกขัดเกลาพื้นผิวของตัวรถให้มีความเรียบเนียนโดยลดเส้นสายที่ไม่จำเป็นออกเกือบหมด ทำให้รูปทรงของรถดูแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรุ่น 5 ประตูที่ถอดแบบมาจากรถต้นแบบ KAI Concept นั่นเอง ภายในถูกออกแบบใหม่หมด เรียบหรูสไตล์รถยุโรป แต่ยังคงแนวคิด Less is more โดยจะเน้นให้มีปุ่มเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเรื่องระบบเก็บเสียงภายในรถให้ดีขึ้น เทียบเท่ากับรถยุโรปชั้นนำอีกด้วย สำหรับขุมพลังนั้นน่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตรเดิม แล้วนำมาปรับแต่งใหม่ หรืออาจจะมี เซอร์ไพรส์เป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่อย่าง SKYACTIV-X 2.0 ลิตร ก็เป็นได้ โครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-Vehicle Architecture แบบใหม่มีการใช้เหล็กกล้า High-tensile มากขึ้นจากเดิมเพียง 3% เพิ่มเป็น 30% ทำให้ตัวถังมีการบิดตัวน้อยเวลาสะเทือนหรือเข้าโค้ง รวมทั้งมีความปลอดภัยมากขึ้นเวลาเกิดอุบัติเหตุด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เตรียมไว้ให้อีกเพียบ สำหรับสาวก Mazda 3 ก็เตรียมความพร้อมกันไว้ให้ดีเพราะปีนี้มาแน่ๆ

 

 

All New BMW 3 Series

นับเป็นการรอคอยที่ยาวนานถึง 7 ปี สำหรับการเปลี่ยนโฉมของ BMW 3 Series รุ่นใหม่ล่าสุด เจเนอเรชันที่ 7 ที่มีรหัสตัวถัง (G20) ด้วยรูปทรงภายนอกที่ใช้ภาษาการออกแบบเดียวกับรถ BMW ยุคใหม่รุ่นอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ สังเกตได้จากกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่แบบชิ้นเดียว เชื่อมต่ออย่างลงตัวกับไฟหน้า LED ซึ่งกลมกลืนกับกันชนหน้าได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยช่องลมรูปตัว T ที่กันชนหน้าทั้งสองด้าน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่องดักอากาศของเครื่องบินในอดีต มิติของตัวรถใหญ่ขึ้นและนำ้หนักลดลง 55 กิโลกรัมจากรุ่นที่แล้ว (F30) เล็กน้อย เส้นสายด้านข้างดูเพรียวและสปอร์ตมากขึ้น ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศลดลงเหลือ 0.23 ไฟท้ายรูปตัว L เรียวยาว 3 มิติ

 

ขุมพลังมีให้เลือกตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบในรุ่น 320i ให้กำลัง 184 แรงม้า รุ่น 330i ให้กำลัง 258 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ในรุ่น 318d ให้กำลัง 150 แรงม้า 320d ให้กำลัง 190 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ในรุ่น 330d ให้กำลัง 265 แรงม้า รุ่นปลั๊กอินไฮบริด 330e จะประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 10% และสามารถวิ่งแบบใช้ไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 60 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับรุ่นที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทยนั้นคงต้องรอให้ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

 

 

The New Mercedes-Benz A-Class

นี่คือ Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชันที่ 4 และนับเป็นครั้งแรกที่รุ่น A-Class มีแบบตัวถังให้เลือกทั้งแบบ 5 ประตูแฮตช์แบ็ก (รหัสตัวถัง W177) และแบบ 4 ประตูซีดาน (รหัสตัวถัง V177) โดดเด่นด้วยการออกแบบรูปทรงที่ดูลู่ลมมากขึ้น โดยเฉพาะรุ่นซีดานที่สามารถลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศลงได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยตัวเลข 0.22 Cd เลยทีเดียว มิติความยาวของตัวรถรุ่น 4 ประตูจะยาวกว่า 30 มิลลิเมตร และสูงกว่า 6 มิลลิเมตร

 

รูปทรงด้านหน้าใช้ภาษาการออกแบบเดียวกันกับรุ่นพี่อย่าง CLS ไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light รูปตัว L คว่ำ ไฟท้ายของรุ่นซีดานและแฮตช์แบ็กมีลวดลายที่แตกต่างกัน ขนาดล้อมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16-19 นิ้ว อุปกรณ์ภายในจัดเต็มเริ่มจากระบบควบคุม Multimedia MBUX เพื่อรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ส่วนระบบแสดงผลมีให้เลือกถึง 3 แบบ สำหรับรุ่น Top นั้นดูอลังการมากด้วยหน้าจอคู่ขนาดใหญ่ถึง 12.25 นิ้ว ยาวต่อกัน (เหมือนกับที่อยู่ในรุ่น E-Class) เช่นเดียวกับช่องแอร์ทรงไอพ่นเครื่องบิน และระบบการเปลี่ยนแสงสีภายในห้องโดยสาร Ambient Lighting ได้มากถึง 64 สี ขุมพลังนั้นมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล สำหรับตลาดบ้านเราน่าจะเป็นรุ่น A 200 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.3 ลิตร เทอร์โบ 163 แรงม้า คาดว่าคงจะถูกใจวัยรุ่นไทยแน่นอนสำหรับรถรุ่นนี้

 

 

All New Porsche 911 (992)

ด้วยระยะเวลาในการรอคอยที่รู้สึกว่าไม่นานมากนัก (เพราะว่ารถรุ่นก่อนยังดูเหมือนว่าเพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้) ในที่สุด Porsche ก็เปิดตัวเจ้าชายกบเจเนอเรชันที่ 8 รุ่นล่าสุด (รหัสตัวถัง 992) รูปทรงภายนอกยังคงเอกลักษณ์ของรุ่น 911 เอาไว้อย่างเหนียวแน่น โป่งซุ้มล้อถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น ระยะฐานล้อกว้างขึ้น 45 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยไฟท้ายแนวนอนเป็นเส้นสีแดง LED เชื่อมต่อกัน พร้อมไฟเบรก LED ดวงที่ 3 อยู่บนฝาระบายอากาศด้านบนซึ่งทำเป็นเส้นคู่แนวตั้งดูแปลกตา รวมทั้งยังมีติดตั้งซ่อนอยู่ใต้สปอยเลอร์ท้ายอีกจุดหนึ่ง ซึ่งจะมองเห็นเมื่อสปอยเลอร์ท้ายยกขึ้นเท่านั้น ภายในออกแบบใหม่หมด หน้าจอกลางแดชบอร์ดขนาดใหญ่ 10.9 นิ้ว ที่เรียกว่า Porsche Communication Management (PCM) แบบทัชสกรีน ถัดลงมาเป็นช่องแอร์และแผงคอนโซลกลางสีดำเงา ซึ่งที่แปลกตาไปมากที่สุดก็คือเจ้าคันเกียร์อัตโนมัติอันเล็กๆ ที่ตั้งขึ้นมาอย่างโดดเด่น มองแล้วไม่เหมือนคันเกียร์ทั่วไปที่คุ้นเคย

 

ขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เริ่มจากรุ่น Carrera ให้กำลัง 385 แรงม้า รุ่น Carrera S และ 4Sให้กำลัง 450 แรงม้า แฟนๆ Porsche เตรียมตัวเสียสตางค์อีกแน่นอน

 

 

ภาพ: Courtesy of brands

ภาพประกอบ: Nuttarut B.

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising