×

อุปกิต เข้ารายงานตัวคณะสอบสวนคดีฟอกเงิน พร้อมยื่นให้ตรวจสอบอีก 112 บริษัท ที่อาจรับเงินยาเสพติด เตรียมฟ้องกลับทุกคนที่ปรักปรำ

โดย THE STANDARD TEAM
20.04.2023
  • LOADING...
อุปกิต ฟอกเงิน

วันนี้ (20 เมษายน) ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมด้วย พ.ต.ท. ธนัท แสงอรุณ ทนายความและที่ปรึกษาทางกฎหมาย เข้าพบคณะทำงานสอบสวน และพนักงานอัยการ จากที่ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้ทนายความยื่นหนังสือแจ้งขอเลื่อนในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา 

 

อุปกิตกล่าวว่า วันนี้มารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนทั้งฝ่ายตำรวจและพนักงานอัยการ เนื่องจากจริงๆ แล้วกำหนดการเดิมคือวันที่ 18 เมษายน แต่ติดภารกิจเลยเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน นอกจากนี้ ยังได้นำข้อมูลให้การเพิ่มเติม โดยจากเดิมตนเคยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นรายชื่อบริษัท 86 แห่ง แต่ตอนนี้พบว่ามีอีก 26 บริษัท รวมเป็น 112 บริษัท 

 

ตนต้องขอขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งบริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจอยู่ในประเทศเมียนมาเช่นเดียวกับ บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด โดยเป็นการโอนเงินผ่านเอ็มซี (ระบบชำระเงินออนไลน์) และไม่ทราบได้ว่าเอ็มซีใช้บัญชีใดโอนไป ซึ่งต่างจากบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด เพราะบริษัท อัลลัวร์  กรุ๊ป จำกัด เอ็มซีจะโอนไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตามใบเสร็จ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่บริษัท 112 แห่งนี้ โอนเงินจากบัญชียาเสพติดตรงเข้าบริษัท ตรงนี้เราคิดว่าเพื่อความเสมอภาค เพื่อความเป็นธรรม เพื่อให้กฎหมายไม่เลือกปฏิบัติ จะต้องไม่ใช่การดำเนินคดีแค่บริษัท อัลลัวร์  กรุ๊ป จำกัด ถ้าให้เป็นธรรมต้องไปสอบสวนทั้ง 112 บริษัท 

 

อุปกิตกล่าวต่อไปว่า ตนขอฝากไปถึงผู้อภิปรายที่ทำให้ตนเสียหายเป็นอย่างมาก ที่กล่าวพาดพิงว่าตนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งตนไม่เกี่ยวข้องเลย จะเห็นได้ว่าประเด็นที่เอามาอภิปราย เป็นการคุยกันระหว่างตนกับทุนมินลัตที่ผ่านมานานกว่า 10 ปี และเป็นการคุยธุรกิจ ไม่มีคุยเกี่ยวกับยาเสพติด 

 

“กรณีที่บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด โอนเงินเข้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด และผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ ไม่ได้เป็นกรรมการ ไม่ได้ร่วมกิจกรรมอะไรกับทางบริษัททั้งสิ้น ดังนั้น การที่มีคนมาปรักปรำผมเรื่องยาเสพติด ผมจะขอดำเนินคดีถึงที่สุด โดยเฉพาะพวกเด็กเลี้ยงแกะ อีกทั้งที่สำนักงานการสอบสวนที่นี่ จากครั้งสุดท้ายได้กล่าวหาผมเพียง 2 ข้อหา แต่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย และในวันนี้ผมเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม จากนั้นทางอัยการจะนัดหมายเพื่อฟังคำสั่งคดีอีกครั้ง” อุปกิตกล่าว

 

อุปกิตกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ที่ตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางอัยการสูงสุดไปก่อนหน้านี้ เพียงเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่าผู้ดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมา ช่วงที่ด่านปิดจะต้องโอนเงินผ่านเอ็มซี ดังนั้นถ้าบริษัทเหล่านี้ทั้ง 112 แห่งไม่ผิด บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด ก็ไม่ควรผิด ต้องไม่เลือกปฏิบัติ บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด จะถูกดำเนินคดีอยู่บริษัทเดียวไม่ถูกต้อง เพราะบริษัทอื่นๆ ตนไม่เห็นมีการออกหมายเรียก ไม่ถูกตรวจสอบ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นรายชื่อบริษัททั้ง 112 แห่งเป็นการประวิงเวลาคดีหรือไม่ อุปกิตชี้แจงว่า ตนไม่ต้องการประวิงเวลาอะไร เพราะไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ทางพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมความผิดและความบริสุทธิ์ ซึ่งการยื่นรายชื่อบริษัทเหล่านั้นเป็นสิทธิ์ของเรา ส่วนบริษัททั้งหมดนี้ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ ประกอบการค้านานาชนิด ทั้งบริษัทที่ขายของปลีก วัสดุก่อสร้าง เครื่องดื่ม เหล็ก เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ล้วนโอนเงินจากบัญชียาเสพติดทั้งสิ้น รวมถึงตนไม่หวาดหวั่นกับการยื่นรายชื่อบริษัท เพราะเป็นรายชื่อที่ตนได้ไปคัดเอกสารมาจากศาล คัดมาอย่างถูกต้องซึ่งเป็นสิทธิ์ของเรา

 

อุปกิตยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ในกรณีที่ พ.ต.ท. มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีการเซ็นรับทราบทุกหน้า และยังมีการแปลผิด โดยตั้งใจที่จะทำให้ตนเสียหาย จนศาลออกหมายจับได้ในคราวนั้น แต่จริงๆ ต้องขอออกหมายเรียกก่อน และตามกระบวนการก็ผิดมาตลอด เพราะผู้บังคับบัญชาไม่รับทราบ และทางศาลก็ไม่ได้แจ้งผู้พิพากษาว่าผู้ถูกออกหมายจับเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งการที่มีกฎระเบียบเหล่านี้ก็เพื่อไม่ให้เป็นการกลั่นแกล้ง ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าจะฟ้องคนอื่นเพิ่มเติมแน่นอนในส่วนของคนที่ใส่ร้ายปรักปรำตนในเรื่องยาเสพติด ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising