กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ทั้ง 50 รัฐเพิ่มสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้เกิดการล็อกดาวน์และทำให้ธุรกิจทั่วประเทศต้องหยุดชะงัก
ทั้งนี้อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นสูงสุดคือรัฐเนวาดา โดยอัตราการว่างงานของเดือนเมษายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 28.2% เพิ่มขึ้น 21.3% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ขณะเดียวกันถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับอัตราว่างงานทั่วประเทศของสหรัฐฯ ที่อยู่ระดับ 14.7% ในเดือนเมษายน สาเหตุหลักมาจากเนวาดาเป็นเมืองที่มีธุรกิจการพนันระดับโลก เมื่อเกิดการแพร่ระบาดจึงส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจอาหาร และบริการที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก
นอกจากนี้การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อการจ้างงานนอกภาคเกษตรโดยตรง ซึ่งอัตราการว่างงานในเดือนพฤษภาคมเพิ่มสูงขึ้นชัดเจน เฉพาะเดือนนี้มีตำแหน่งงานหายไปกว่า 20.5 ล้านตำแหน่ง ถือว่าลดลงมากที่สุดนับจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลกอย่าง The Great Depression ในช่วงปี 1930
ทั้งนี้แนวโน้มการว่างงานในหลายรัฐของสหรัฐฯ ยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งใน 3 รัฐใหญ่ของสหรัฐฯ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย ที่การจ้างงานหายไป 2.3 ล้านตำแหน่ง นิวยอร์ก การจ้างงานลดลง 1.8 ล้านตำแหน่ง และเท็กซัส ที่ตำแหน่งงานหายไปกว่า 1.3 ล้านตำแหน่ง
ขณะที่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (21 พฤษภาคม) กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ รายงานว่ามีคนกว่า 2.4 ล้านคนเข้ายื่นคำร้องเพื่อรับผลประโยชน์จากการว่างงาน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมาก ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตามองในระยะต่อไปคือการกลับมาเปิดเมืองครั้งนี้จะช่วยให้การจ้างงานกลับมาเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งปัจจัยหลักก็ขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องลดลง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: