สำนักข่าว CNN รายงานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังพิจารณาส่งกองเรือรบไปยังทะเลดำในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อแสดงการสนับสนุนยูเครน หลังเกิดสถานการณ์ตึงเครียด จากการที่รัสเซียเพิ่มกำลังทหารประจำชายแดนติดกับยูเครน เพื่อสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน
ที่ผ่านมากองทัพเรือสหรัฐฯ มีการปฏิบัติการในทะเลดำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่การส่งกองเรือรบไปทะเลดำในช่วงเวลานี้ เป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนไปถึงมอสโกว่าสหรัฐฯ กำลังจับตามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน
ขณะที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องแจ้งความตั้งใจในการเดินเรือไปยังทะเลดำล่วงหน้า 14 วัน ตามสนธิสัญญาปี 1936 ที่ให้อำนาจตุรกีในการควบคุมช่องแคบที่เป็นเส้นทางเดินเรือเข้าสู่ทะเลดำ แต่ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่ามีการแจ้งไปแล้วหรือยัง
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมยังเปิดเผยว่า กองทัพได้ส่งเครื่องบินตรวจตราบินลาดตระเวนในน่านฟ้าสากลเหนือทะเลดำ เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกองทัพเรือรัสเซีย และความเคลื่อนไหวทางทหารในไครเมีย
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (7 เมษายน) กองทัพสหรัฐฯ ยังได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-1 จำนวน 2 ลำ ปฏิบัติภารกิจเหนือทะเลอีเจียนด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในตอนนี้สหรัฐฯ ยังไม่มองการเสริมกำลังทหารของรัสเซียบริเวณชายแดนว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการรุกราน แต่หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ทางสหรัฐฯ ก็พร้อมจะดำเนินการเพื่อตอบโต้ ซึ่งจากการประเมินในตอนนี้ ยังพบว่าเป็นเพียงการฝึกฝนและซ้อมรบของกองทัพรัสเซีย ขณะที่ข่าวกรองยังไม่บ่งชี้ว่ามีคำสั่งให้ดำเนินการทางทหารเพิ่มเติม
สำหรับสถานการณ์ขัดแย้งในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนจากการสู้รบระหว่างกลุ่มกบฏและกองทัพรัฐบาลทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการที่รัสเซียเพิ่มกำลังทหารประชิดชายแดนยูเครน มีความเป็นไปได้ว่าอาจเข้าตัดสินใจแทรกแซงสถานการณ์ เพื่อปกป้องกลุ่มกบฏที่รัสเซียสนับสนุน ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯและประชาคมโลกต่างจับตามองและแสดงความกังวล ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ได้ร่วมหารือกับทางการยูเครนในเรื่องนี้แล้ว
ภาพ: David Hancock / U.S. Navy via Getty Images (11 พฤษภาคม 2014)
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
