×

อูไน เอเมอรี กุนซือผู้รับหน้าที่สานต่อตำนานของอาร์เซนอล

23.05.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • อาร์เซนอลประกาศแต่งตั้ง อูไน เอเมอรี กุนซือชาวสเปนเป็นผู้จัดการทีมต่อจากอาร์เซน เวนเกอร์ อย่างเป็นทางการ
  • กุนซือวัย 46 ปี ประสบความสำเร็จกับปารีส แซงต์ แชร์กแมงด้วยการคว้าแชมป์ 4 รายการในเวลา 2 ปี พร้อมความสำเร็จกับเซบียาด้วยการคว้าแชมป์ยูโรปาลีกติดต่อกันถึง 3 สมัยในปี 2014-2016
  • ด้วยประสบการณ์การสร้างทีมใหม่จนสามารถคว้าแชมป์ยูโรปาลีกกับเซบียา และประสบการณ์การบริหารนักเตะระดับโลกอย่างเนย์มาร์ที่ปารีส ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เอเมอรีคือตัวเลือกที่เหมาะสมมาสานต่อความสำเร็จต่อจากเวนเกอร์
  • ความท้าทายที่รอเขาอยู่ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม คือการนำระเบียบวินัย การสร้างแรงบันดาลใจ การสร้างสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง การแก้ปัญหาเกมรับ และการสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ขึ้นมาประดับทีมอาร์เซนอลในยุคใหม่ของอาร์เซนอลที่เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1996

จากมิเกล อาร์เตต้า, ปาทริค วิเอรา รวมถึงกุนซือชั้นนำของยุโรปอีกหลายรายชื่อที่ถูกผูกติดกับชื่อสโมสรอาร์เซนอลในการพาดหัวข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสตัดสินใจประกาศอำลาตำแหน่งหลังร่วมงานกับสโมสรมาเป็นเวลา 22 ปี

 

 

ล่าสุดทางสโมสรก็ได้ตัดสินใจประกาศแต่งตั้งกุนซือคนใหม่อย่างเป็นทางการ โดยผู้ที่คว้าสิทธิ์นี้ไปครองคือ อูไน เอเมอรี กุนซือชาวสเปนวัย 46 ปีที่เพิ่งจะยุติบทบาทการคุมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมงที่คุมมาเป็นเวลา 2 ปีพร้อมกับแชมป์ 4 รายการ

 

กุนซือชาวสเปนคนนี้ยังมีสถิติที่ทุกคนกล่าวถึงคือ การนำพาทีมอย่างเซบียาคว้าแชมป์ยูโรปาลีก 3 สมัยติดต่อกัน แต่สิ่งที่เป็นคำถามต่อจากนี้สำหรับแฟนบอลอาร์เซนอลหลังจากต้องพบกับกุนซือคนใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996 คือ อูไน เอเมอรี เป็นใคร และเขาจะนำพาสโมสรไปในทิศทางใด วันนี้ THE STANDARD จึงเปิดประวัติหรือพอร์ตโฟลิโอของอูไน เอเมอรี ซึ่งจากรายงานของสื่อต่างประเทศจะได้รับค่าเหนื่อยปีละ 6 ล้านปอนด์ หรือเป็นเงินไทยกว่า 250 ล้านบาทต่อปี ให้กับแฟนบอลได้สำรวจกันก่อนที่เขาจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงสโมสรไปในทิศทางใหม่

 

ประสบการณ์การทำงานตลอด 13 ปีกับแชมป์ 10 รายการ

 

 

อูไน เอเมอรี คุมทีมมาทั้งหมด 719 เกมในช่วงเวลา 13 ปี ซึ่งนับว่ามากกว่าตัวเต็งเก่าอย่างอาร์เตต้าถึง 719 เกม เพราะอาร์เตต้าไม่เคยคุมทีมลงสนามอย่างเป็นทางการ โดยอาร์เซนอลนับเป็นสโมสรที่ 7 ในชีวิตของเขา ตั้งแต่เริ่มคุมทีมสโมสรลอร์กา เดปอร์ติวา ในสเปนเมื่อปี 2004 จนถึงวันนี้เขาคว้าแชมป์ไปทั้งหมด 10 รายการด้วยวัยเพียง 46 ปี และแน่นอนว่าความสำเร็จสูงสุดของเขาคือการนำพาทีมเซบียาคว้าแชมป์ยูโรปาลีกติดต่อกัน 3 สมัยตั้งแต่ปี 2014-2016 โดยสามารถเอาชนะทีมอย่าง เบนฟิกา ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค และลิเวอร์พูลในรอบชิงชนะเลิศ จนได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้จัดการยอดเยี่ยม FIFA Best Coach Award ในปี 2015 แต่สุดท้ายรางวัลตกเป็นของ หลุยส์ เอ็นริเก้ จากบาร์เซโลนา

 

ความท้าทายที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

 

 

“เนย์มาร์คือบอสของสโมสรปารีส” คือคำสัมภาษณ์ที่เขาได้ให้ไว้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาถึงสโมสร ปารีส แซงต์แชร์กแมง กับปัญหาที่หลายคนมองว่าเขาได้ประสบในสโมสรซึ่งเต็มไปด้วยสตาร์ดังของโลก ทำให้แฟนบอลอาร์เซนอลหลายคนอาจจะรู้สึกดีกว่านี้หากเขาย้ายจากเซบียา ด้วยความสำเร็จที่สเปนมาสู่อาร์เซนอลด้วยความคาดหวังอีกรูปแบบหนึ่ง

 

แต่ด้วยทรัพยากรหลักของทีมอาร์เซนอลอย่าง เมซุต โอซิล คงมีความแตกต่างจากเนย์มาร์พอสมควร และด้วยสไตล์ของนักเตะอาร์เซนอลที่ไม่ได้มีใครเป็นสตาร์ดังและมีอีโก้สูงอย่างชัดเจน รวมถึงแรงกดดันจากบอร์ดอาร์เซนอลที่น้อยกว่าบอร์ดปารีส แซงต์ แชร์กแมงที่ตั้งฐานความสำเร็จของสโมสรไว้ที่แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเท่านั้น อาจทำให้เอเมอรีทำงานได้ง่ายขึ้น

 

สไตล์การทำงาน

 

 

เอเมอรีเป็นคนที่มีแบบแผนชัดเจน และเป็นคนที่นิยมการฝึกซ้อมที่มีระเบียบวินัย เขาใช้ระบบนี้กับปารีสในระหว่างการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งระบบนี้น่าจะช่วยให้อาร์เซนอลมีความเป็นระบบมากขึ้น

 

เกมแรกของเขากับปารีสเมื่อปี 2016 ในฟุตบอลรายการ โทรเฟ่ เดส์ ช็องปิยงส์  ฟุตบอลคอมมูนิตี้ของฝรั่งเศสกับลียง พวกเขาเอาชนะไปได้ 4-1 โดยปารีสเล่นในสไตล์ที่ดุดันกว่าปกติ ด้วยการเพรสซิ่งสูง วิ่งมากขึ้น เน้นให้ฟูลแบ็กวิ่งขึ้นหน้าอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือนักเตะภายในทีมต้องการที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลสไตล์ Tiki-taka ที่ใช้เวลาช้ากว่าในการเล่น สุดท้ายเอเมอรีต้องปรับแผนให้เข้ากับนักเตะ ซึ่งตามหลักแล้วต้องเป็นนักเตะปรับสไตล์ให้เข้ากับปรัชญาฟุตบอลของเขา

 

ซึ่งหากนักเตะอาร์เซนอลเห็นด้วยกับรูปแบบการเล่น และสิ่งที่เขาต้องการจะทำก็น่าจะเป็นผลดี เพราะเขาได้พิสูจน์ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรปาลีกสามสมัยติดต่อกันกับนักเตะเซบียาที่เห็นด้วยกับสไตล์การทำทีมของเขามาแล้ว  

 

การพัฒนาบุคลากร

 

 

ที่เซบียา เอเมอรีร่วมงานกับ รามอน โรดริเกซ เวอร์เดโจ หรือที่รู้จักกันว่า ‘มอนชี’ (ตอนนี้ย้ายไปอยู่กับสโมสรโรมา) ผู้อำนวยการฟุตบอลได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมอนชีจะรับผิดชอบการเซ็นสัญญานักเตะดาวรุ่งหรือคนที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ฝีมือ ในขณะที่เอเมอรีจะนำนักเตะเหล่านั้นมาพัฒนาต่อ

 

โดยส่วนใหญ่มอนชีจะนำเอานักเตะจากลีกล่างของฝรั่งเศส และในยุโรปมาร่วมทำงานกันเป็นทีมจนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นงานที่เหมาะสมกับการสร้างความสำเร็จกับสโมสรใหม่

 

คนที่เคยร่วมงานด้วยบอกว่าเขาเหมาะสมกับอาร์เซนอล

บรูโน กัปตันทีมของไบรท์ตัน ซึ่งเคยร่วมงานกับเอเมอรีมาแล้ว 2 สโมสรที่อัลเมเรียและบาเลนเซีย เชื่อว่าปรัชญาการทำทีมของเอเมอรีคล้ายกับปรัชญาการทำทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์

 

“ผมคิดว่าเขาคือผู้จัดการชั้นนำ เขาหมกมุ่นกับการทำงาน ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะนี่จะเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับเขา”

 

“เขาชอบให้คุณทำงานอย่างหนัก เขาจะใช้เวลาหลายชั่วโมงทั้งในและนอกสนาม และผมคิดว่าจุดแข็งของเขาคือการบริหารจัดการตารางฝึกซ้อม และการวิเคราะห์คู่แข่งทุกทีม”

 

“ผมคิดว่าเขาเหมาะสมกับปรัชญาฟุตบอลของอาร์เซนอล เขาเน้นเกมรุกโดยใช้ฟูลแบ็กดันขึ้นสูง และกองกลางลงมารับบอลเพื่อตั้งเกมจากแดนหลัง”

 

ตำแหน่งงาน Job Description

 

 

สถานการณ์ของอาร์เซนอลในเวลานี้ปัญหาหลักที่เอเมอรีต้องเข้ามาแก้ไขเป็นอย่างแรกคือระเบียบวินัย และการสร้างแรงบันดาลใจ  

 

เอเมอรีจำเป็นต้องทำให้นักเตะอาร์เซนอลมีสมาธิ สามารถรับมือการโดนพลิกกลับมานำ สร้างความแข็งแกร่งทางสภาพจิตใจ ซึ่งจำเป็นต้องเริ่มปรับตั้งแต่วันแรก ซึ่งไม่ว่าที่ผ่านมานักเตะจะประสบปัญหาจากความชะล่าใจ ความกังวล หรือทั้งสองอย่างผสมกัน นี่คือสิ่งที่ต้องแก้ไขเป็นอย่างแรก

 

เกมรับและการเสียประตูคืออีกหนึ่งปัญหาหลักที่อาร์เซนอลพบเจอเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยอาร์เซนอลทำสถิติการเสียประตูที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปี 1980s ซึ่งการเสริมทัพในตำแหน่งนี้คือสิ่งแรกที่เอเมอรีต้องเริ่มวางแผน รวมถึงนักเตะในตำแหน่งผู้รักษาประตู และกองรับก็มีส่วนสำคัญในการปรับเกมรับของทีมในแข็งแกร่งขึ้น

 

การซื้อใจแฟนบอลกลับมาคืออีกปัจจัยที่สโมสร นักเตะ และผู้จัดการทีมจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน จากกระแส Wenger in/out ที่ผ่านมาส่งผลให้เราได้เห็นเก้าอี้ว่างในระหว่างที่ทีมลงเตะ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของเอเมอรี นอกจากความสำเร็จบนสกอร์บอร์ดแล้ว เขาจำเป็นต้องสร้างทีมที่เล่นฟุตบอลได้อย่างตื่นเต้นเพื่อดึงแฟนบอลกลับเข้ามาเชียร์อีกครั้ง

 

 

ด้วยทุนการซื้อนักเตะของทีมอาร์เซนอลที่อาจมีไม่เยอะเท่าปารีส แซงต์ แชร์กแมง และนโยบายการทำทีมของเวนเกอร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเอเมอรีจำเป็นต้องดึงศักยภาพของนักเตะที่มีอยู่ในทีมอย่าง เมซุต โอซิล และ อารอน แรมซีย์ ออกมาให้ได้อย่างเต็มที่

 

และสุดท้ายคือการให้โอกาสนักเตะเยาวชนมากขึ้น ซึ่งอิวาน กาซิดิส ซีอีโอสโมสรอาร์เซนอลระบุไว้ในหน้าที่ของผู้จัดการทีมอย่างชัดเจนว่า ต้องเข้ามาสานต่อการพัฒนานักเตะเยาวชนมากกว่าการเสริมทัพด้วยการซื้อตัวนักเตะ

 

Photo: AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising