ผลการศึกษาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ (UN) ชี้ว่าแรงงานนอกระบบคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤตโควิด-19 ในประเทศไทย และคาดว่าจำนวนผู้ใช้แรงงานที่มีฐานะยากจนจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 11
เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการเผยแพร่การศึกษาเรื่อง ‘ผลกระทบจากโรคโควิด-19 ต่อการจ้างงานและตลาดแรงงานในประเทศไทย’ ซึ่งทำการสำรวจแรงงานในไตรมาสแรก พบว่าการขาดความมั่นคงทางรายได้ และการไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการคุ้มครองทางสังคม ทำให้แรงงานนอกระบบได้รับผลกระทบหนักที่สุด การสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นทำให้แรงงานจำนวนมากถูกผลักให้เข้าเกณฑ์ความยากจน (รายได้ขั้นต่ำ 1.90 ดอลลาร์หรือประมาณ 60 บาทต่อวัน) และคาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนของคนผู้ใช้แรงงานที่ยากจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 เป็นอย่างน้อยร้อยละ 11 ของตลาดการจ้างงานทั้งหมดในปีนี้
การระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยในรูปแบบของชั่วโมงการทำงานและค่าจ้างที่ลดลง หรือแม้กระทั่งการตกงาน การศึกษาประเมินว่าแรงงานในประเทศไทย 6.6 ถึง 7.5 ล้านคน จะต้องประสบกับปัญหาดังกล่าวโดยตรง นอกจากนี้ ในไตรมาสแรกของปีก็มีการลดจำนวนชั่วโมงการทำงานในประเทศไทยไปแล้วเกือบร้อยละ 6 ซึ่งเทียบเท่ากับการปลดพนักงานประจำ 2.2 ล้านคน (คิดจากฐานการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) และคาดว่าจำนวนชั่วโมงจะถูกปรับลดลงไปอีกร้อยละ 10 ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียโดยประมาณเท่ากับคนตกงาน 4 ล้านคน ตามการศึกษาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)
แรงงานกลุ่มที่ถูกลดชั่วโมงการทำงานมากที่สุดคือแรงงานทักษะต่ำในภาคเกษตรและงานธุรการต่างๆ รวมถึงการบริการลูกค้า ส่วนอาชีพที่มีชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงนี้ หรือเกือบ 1 ใน 5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
แกรม บัคเลย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ILO ประจำประเทศไทย กัมพูชา และลาว กล่าวว่า “เรายังไม่ทราบถึงความสูญเสียทั้งหมดที่เกิดกับความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน เพราะเราต้องดูว่าสถานการณ์ของโรคระบาดจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และมาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รักษาธุรกิจ และการปกป้องความเป็นอยู่ของผู้คนจะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน”
ด้าน กีต้า ซับบระวาล ผู้ประสานงาน UN ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การศึกษาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ทำให้เราเห็นว่าวิกฤตการณ์โควิด-19 มีผลกระทบต่อกลุ่มประชากรที่มีความเปราะบางในประเทศไทยมากเป็นพิเศษ มาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs รับมือกับการชะงักงันของตลาดแรงงาน และกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ”
งานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการประเมินผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่ดำเนินการโดย UN ประจำประเทศไทย ก่อนหน้านี้ได้มีการเผยแพร่การประเมินผลกระทบจากโรคโควิด-19 ต่อภาคอุตสาหกรรม จัดทำโดยองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) สามารถอ่านได้ที่ https://www.un.or.th/wp-content/uploads/2020/06/Impact-Assessment-of-COVID-19-on-employment-and-labour-market-in-Thailand-.pdf
ในสัปดาห์หน้าจะเผยแพร่การประเมินผลกระทบจากโรคโควิด-19 ในมิติเศรษฐกิจและสังคม จัดทำโดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และ UNICEF
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์