อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า โลกกำลังเผชิญภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงถึงจุดที่ไม่อาจแก้ไขกลับคืนได้อีก ขณะที่ประเทศต่างๆ ยังดำเนินมาตรการไม่เต็มที่เพียงพอที่จะหยุดยั้งปัญหาโลกร้อนได้
ถ้อยแถลงของผู้นำ UN มีขึ้นก่อนเริ่มการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก (COP25) ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน เพื่อสร้างความตระหนักให้กับรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ดำเนินมาตรการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนตามเป้าหมายความตกลงปารีส เพื่อควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม
กูเตอร์เรสกล่าวว่า ผู้คนทั่วโลกต่างรู้สึกถึงผลกระทบจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นพายุ คลื่นความร้อน ไปจนถึงไฟป่า ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
สิ่งที่น่ากังวลคือ โลกมีองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงวิธีการทางเทคนิคในการควบคุมภาวะโลกร้อน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินมาตรการจริงจังเท่าที่ควร เพราะยังขาดความมุ่งหมายทางการเมือง
“จุดที่ไม่อาจหวนกลับคืนไม่ได้อยู่ไกลเกินสายตาอีกแล้ว” กูเตอร์เรสกล่าวต่อผู้สื่อข่าวในกรุงมาดริด “มันอยู่ในสายตาและกำลังเข้าใกล้เราทุกขณะ …สงครามกับธรรมชาติจะต้องยุติลง และเรารู้ว่ามันยังเป็นไปได้”
จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบว่า ก๊าซเรือนกระจกที่ก่อโดยมนุษย์สร้างผลกระทบต่อโลกในวงกว้าง ซึ่งการที่โลกร้อนขึ้น ยังทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว
แต่กูเตอร์เรสกล่าวว่า สารเตือนจากเขาไม่ใช่ความสิ้นหวัง แต่เป็นความหวัง “สงครามกับธรรมชาติจะต้องยุติลง และเรารู้ว่ามันยังเป็นไปได้”
การประชุม COP25 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม โดยมีคณะผู้แทนจากเกือบ 200 ประเทศเข้าร่วม เพื่อหารือนโยบายและวางแนวทางปฏิบัติตามความตกลงปารีสปี 2015 รวมถึงวิธีสร้างระบบกลไกซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับนานาชาติ และมอบเงินชดเชยแก่ประเทศต่างๆ ที่เกิดความสูญเสียจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบอื่นๆ จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: