เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO เปิดเผยว่าขณะนี้นักบินของยูเครนกำลังอยู่ในระหว่างฝึกขับเครื่องบินรบ F-16 ขณะที่ทางการยูเครนอ้างว่า กองกำลังของฝ่ายตนมีความคืบหน้ามากขึ้นในการเปิดฉากปฏิบัติการโต้กลับกองกำลังรัสเซียในตะวันออกและตอนใต้ของประเทศ
สโตลเทนเบิร์กกล่าวว่า “ขณะนี้การฝึกฝนได้เริ่มขึ้นแล้ว ทำให้เรามีทางเลือกในการตัดสินใจส่งมอบเครื่องบินขับไล่ต่อไป ซึ่งหลังจากนั้นทหารของยูเครนก็จะมีความพร้อมในการขับ F-16 พอดี”
อย่างไรก็ตาม แม้นักบินของยูเครนจะเริ่มฝึกหัดขับเครื่องบิน F-16 แล้ว แต่ชาติพันธมิตร NATO ยังไม่ได้ตกลงกันอย่างชัดเจนว่าชาติใดบ้างที่จะจัดส่ง F-16 ให้กับยูเครน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้โลกตะวันตกมีการถกเถียงกันอยู่นานหลายเดือน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่กังวลว่าหากส่งมอบ F-16 ไป ก็อาจมีความเสี่ยงที่ยูเครนจะใช้เครื่องบินรบดังกล่าวเพื่อโจมตีเป้าหมายในดินแดนของรัสเซีย และอาจทำให้ความขัดแย้งขยายวงบานปลายหนักไปกว่าเดิม โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ปฏิเสธคำร้องขอของยูเครนที่อยากให้จัดส่ง F-16 ไปช่วยพลิกเกมในสมรภูมิรบ ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ให้คำมั่นว่าจะใช้เครื่องบินดังกล่าวสำหรับการโจมตีกองกำลังรัสเซียที่อยู่ในดินแดนของยูเครนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการฝึกนักบินของยูเครนให้ขับ F-16 เป็นอาจใช้เวลานานหลายเดือนด้วยกัน เพราะโดยปกติแล้วทหารอากาศของยูเครนจะขับแต่เครื่องบินรบของโซเวียต ขณะเดียวกัน ยูเครนก็ยังไม่มีรันเวย์ที่เหมาะสมกับการขับ F-16 ซึ่งอาจจะต้องมีการก่อสร้างเพิ่มเติมหากชาติสมาชิก NATO ตกลงที่จะจัดหาเครื่องบินดังกล่าวให้กับยูเครนในที่สุด
อนึ่ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยูเครนประกาศว่าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ครั้งใหญ่ที่เตรียมการมานานนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และถึงแม้จะมีความท้าทายหลายประการ แต่พลจัตวา โอเล็กซี โรมอฟ (Oleksii Hromov) กล่าววานนี้ (15 มิถุนายน) ว่ายูเครนมีความคืบหน้าที่ดีในการตอบโต้ โดยสามารถกลับมาควบคุมพื้นที่กว่า 103 ตารางกิโลเมตรได้ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โรมอฟกล่าวด้วยว่า กองกำลังยูเครนได้ประโยชน์จากเครื่องบิน MiG-29 ที่โปแลนด์และสโลวาเกียจัดหามาให้
“กองทัพยูเครนได้รับประสบการณ์และทักษะมากมายในสนามรบในปีนี้ เราพร้อมแล้ว และจะต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะปลดปล่อยดินแดนของเราอย่างสมบูรณ์ แม้จะด้วยมือเปล่าก็ตาม แต่หากมีอาวุธหนักจากชาติพันธมิตร เราก็จะประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น” โรมอฟกล่าว
แฟ้มภาพ: Harald Tittel / Picture Alliance via Getty Images
อ้างอิง: