สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) รายงานว่า ผู้หญิงในอังกฤษต้องเผชิญกับรายได้ที่ลดลงถาวร หลังกลายเป็นแม่ โดยพบว่าภายใน 5 ปีหลัง รายได้ของผู้หญิงโดยเฉลี่ยลดลงรวมกว่า 6.5 หมื่นปอนด์ (ราว 2.9 ล้านบาท)
ยิ่งหลังคลอดลูกคนแรก รายได้ต่อเดือนของผู้หญิงลดลงเฉลี่ย 42% หรือราว 1 พันปอนด์ (ประมาณ 4.7 หมื่นบาท) โดยรวมถึงช่วงที่ต้องลาคลอดและไม่ได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน ซึ่งถือเป็นผลกระทบระยะยาวต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของผู้หญิงในวัยทำงาน
ขณะเดียวกัน ข้อมูลยังชี้ว่า เมื่อผู้หญิงมีลูกคนที่สอง รายได้เฉลี่ยจะลดลงเพิ่มขึ้นไปอีก 2.6 หมื่นปอนด์ และถ้ามีลูกคนที่สาม จะลดลงอีก 3.2 หมื่นปอนด์ สะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนของความเป็นแม่ที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามจำนวนลูก และผู้หญิงมีแนวโน้มทำงานในรูปแบบที่ไม่มั่นคงมากกว่าผู้ชาย เช่น สัญญาจ้างรายชั่วโมง หรือการทำงานพาร์ตไทม์ เพื่อให้สามารถดูแลลูกได้มากขึ้น แม้งานเหล่านั้นจะมีรายได้ต่ำและมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพน้อยก็ตาม
สอดรับกับข้อมูลในช่วงปี 2014-2022 พบว่า ภายใน 5 ปีหลังคลอดลูกคนแรก โอกาสที่ผู้หญิงจะยังคงมีงานทำลดลงไปถึง 11% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการลาออกจากงานเต็มเวลาเพื่อดูแลครอบครัว ขณะที่งานวิจัยของสถาบัน Work Foundation ชี้ว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะอยู่ในงานที่มีค่าจ้างต่ำและไม่มั่นคง เช่น งานดูแลผู้สูงอายุหรือพนักงานในห้างค้าปลีก ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า
อลิซ มาร์ติน หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก Work Foundation มหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ กล่าวว่า ข้อมูลข้างต้นสะท้อนถึง ‘ความจริงที่โหดร้ายและไม่ยุติธรรม’ ที่แม่วัยทำงานในสหราชอาณาจักรต้องเผชิญ แม้รัฐบาลจะให้คำมั่นในการแก้ปัญหาค่าจ้างต่ำและความไม่มั่นคงในการทำงานแต่ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม
ก่อนหน้านี้ ภายใต้รัฐบาลพรรคแรงงานที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปนโยบายแรงงาน โดยเฉพาะการส่งเสริมรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เพื่อให้พนักงานโดยเฉพาะผู้หญิงสามารถรักษาสมดุลระหว่างงานและครอบครัวได้โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ
พร้อมยังได้ขยายสิทธิในการดูแลเด็กที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐให้ครอบคลุมเด็กเล็กมากขึ้น และมีแผนทยอยขยายสิทธินี้จนถึงเด็กอายุ 9 เดือน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสให้แม่กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดยังพบว่า ผู้หญิงวัยทำงานกว่า 26% ระบุว่า สาเหตุที่ไม่ได้ทำงานเพราะต้องดูแลบ้านและครอบครัว ขณะที่สัดส่วนของผู้ชายที่ต้องดูแลบ้านมีไม่ถึง 5% แม้ตัวเลขดังกล่าวจะมีแนวโน้มลดลงหลังปี 2022 แต่ยังสะท้อนช่องว่างทางเพศในตลาดแรงงานอย่างชัดเจน
รัฐบาลอังกฤษระบุว่า ร่างกฎหมาย Employment Rights Bill ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา จะช่วยให้แม่ทำงานสามารถต่อรองรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นได้ง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มการคุ้มครองกรณีถูกเลิกจ้างให้กับหญิงตั้งครรภ์และคุณแม่หลังคลอด
นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศเดินหน้าทบทวนระบบการลาคลอดและลาพ่อแม่อย่างครบวงจร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้หญิงสามารถพัฒนาอาชีพหลังมีลูกได้ง่ายขึ้น และส่งเสริมให้พ่อมีบทบาทในการเลี้ยงดูลูกมากขึ้น เพื่อลดภาระที่ตกอยู่กับแม่เพียงฝ่ายเดียว
ภาพ: aslysun / shutterstock
อ้างอิง: