×

ทวนความจำ! ย้อนรอยมุกเด็ดโน้ต อุดม

17.09.2018
  • LOADING...

19 สิงหาคม 2538 เป็นวันที่มีการแสดงชื่อ ‘เดี่ยวไมโครโฟน’ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในยุคนั้นที่ Stand-up Comedy ยังไม่แพร่หลายในเมืองไทย การแสดงตลกยังเน้นแสดงเป็นหมู่คณะ การออกไปพูดคนเดียวให้คนดูขำได้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่และบ้าบิ่นอยู่ไม่น้อย

 

ในปีนี้เดี่ยว 12 เพิ่งจบไป แม้กระแสในสังคมออนไลน์จะไม่ฮือฮามากเท่าช่วงพีกๆ ของการแสดงเดี่ยวฯ แต่ตลอด 23 ปี ปฏิเสธไม่ได้ว่า โน้ต-อุดม แต้พานิช และเดี่ยวไมโครโฟน ก็สร้างมุกเด็ดที่ทำให้ผู้ชมติดใจอยู่หลายมุกเหมือนกัน

 

THE STANDARD ขอย้อนความทรงจำกับเรื่องเด็ดที่เรียกเสียงฮากระจาย จนหลายคนน่าจะยังจำได้แม่นจนทุกวันนี้

 

 

ทำนม

มุกจากเดี่ยวไมโครโฟนครั้งแรกเมื่อปี 2538 ที่ธีมหลักเป็นการหยิบเรื่องใกล้ตัวอุดมในสมัยนั้นอย่างวงการบันเทิงไทยมาอำเสียเละ อย่างมุกนี้ที่แซวการทำนมที่เรียกได้ว่าแพงมากในสมัยนั้น

 

ช่างแต่งหน้าที่ผมเจอมา ความใฝ่ฝันของช่างแต่งหน้าทั่วไปคือการเก็บหอมรอมริบหาเงินเพื่อมาทำนมเป็นของตัวเอง เชื่อกันว่าการมีนมเป็นของตัวเองนั้นเป็นเรื่องน่าภูมิใจของเขามาก เอ่อ…ก็เก็บหอมรอมริบกันไป บางท่านก็เก็บได้นิดหน่อย ด้วยความกลัวไม่ทัดเทียมเพื่อนฝูง เอาวะ ทำสองข้างไม่ได้ ทำข้างเดียวก็ยังดี

 

หมอคะ อยากได้นม

เอ่อ…คุณมีเงินมาสักเท่าไรล่ะ

ต้องใช้ 7-8 หมื่นใช่ไหมคะ หนูมี 3 หมื่น ขอข้างเดียวก่อนค่ะ รีบใช้

เอาสิครับ ข้างเดียวก็ข้างเดียว ตามความสมัครใจ นอนเลยครับๆ หมอจะฉีดยาชาให้

ยาชาเข็มละเท่าไรคะ

ก็ประมาณพันกว่าบาทนะครับ

เอ่อ…งั้นไม่เป็นไรค่ะหมอ ผ่าเลยค่ะ

ผ่าเลยจะไม่เจ็บเหรอครับ

ไม่เป็นไร…ประหยัดค่ะ หมอมียางลบให้หนูอันหนึ่งก็พอค่ะ

เอามาทำอะไรครับ

เอาไว้กัดอดทนตอนเจ็บค่ะ

 

 

เพื่อนตุ้ม

อีกครั้งกับเดี่ยวไมโครโฟน ครั้งที่ 2 ‘โชว์ห่วย’ ที่ไม่มีใครลืมเพื่อนตุ้มไปได้ แม้ว่าจะไม่เคยมีใครเห็นหน้าตุ้มเลยก็ตาม

 

แต่ก่อนผม โอ๊ย เบื่อเหลือเกินอำนาจ รู้สึกต่อต้านในใจ ทำไมคนไทยเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เท่าเทียมกัน ทำไมไม่ปฏิบัติตามกฎ แต่หลังจากเหตุการณ์หนึ่งผ่านไป ผมก็พบว่าอำนาจเป็นสิ่งจำเป็น

 

วันนั้นผมไปที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เอารถเข้าไปจอด ไปถึงประตูตรงสนามหลวง มาเลยครับ ยามแต่งชุดสีกากี

 

ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

เอ่อ…คือนักศึกษาเข้าติดต่อให้มาช่วยงานเฟรชชี่อะไรของเขาไม่ทราบครับ

แต่ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

จอดแป๊บเดียวครับ 30 นาที เดี๋ยวก็ไปแล้วครับ ตอนนี้ต้องรีบจอด เพราะว่ามาสายครับ จะไม่ทัน

ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

 

คือไม่รู้ใครไปป้อนข้อมูลเขาไว้แค่นี้

 

เอาอย่างนี้ครับ งั้นพี่เลื่อนเหล็กให้หน่อย เดี๋ยวผมขอเข้าไปกลับรถ

ไม่มีสติกเกอร์ เข้ากลับรถไม่ได้ครับ

 

ผมก็ถอยรถออกมา ขับรถอ้อมสนามหลวง 1 รอบ ครุ่นคิดเลยครับว่าทำอย่างไรดีนะ เราถึงจะเข้าไปได้ เราต้องใช้อำนาจ อำนาจอะไรดี แม่เราก็เป็นแม่ค้าส้มตำ ไม่ได้ๆๆ ญาติของเรา โคตรเหง้าตระกูลเรามีใครเป็นใหญ่เป็นโตไหม ไม่มีเลย เบ่งไม่ได้เลย ขับไปเรื่อยๆ เกิดพุทธิปัญญา เฮ้ย ใช่สิ ทำไมเราจะไม่มีอำนาจ

 

เราเพื่อนตุ้มนี่ ใช่ เราเพื่อนตุ้ม

 

ผมพารถไปยังที่เดิม กดกระจกลง อิ้ส (ทำมือเลื่อนกระจกรถ) จริงๆ เป็นระบบไข แต่ไม่ได้ เดี๋ยวเสียฟอร์ม ต้องทำไหล่ให้ตรงๆ ไว้ แล้วมาหนักตรงข้อมือ ยามคนเดิมเดินมา

 

ไม่มีสติกเกอร์ เข้าจอดไม่ได้ครับ

น้อง พี่เพื่อนตุ้มนะ

บรื้นๆๆ ไปเลย อย่ากลับมาอธิบายอะไรเด็ดขาด วันๆ ต้องปล่อยให้เขาครุ่นคิดอะไรบ้าง

 

เพื่อนตุ้ม…ตุ้มไหนว้า

 

 

ผีรถเมล์

ไม่แน่ใจว่าเป็นประเพณีประจำเดี่ยวหรือประจำประเทศไทยในยุคนั้นที่ทำให้เวลาอุดมมาเดี่ยวฯ ต้องมีเรื่องผีอยู่ด้วยเสมอ และนี่ก็เป็นเรื่องคลาสสิกที่เล่าในเดี่ยวฯ​ 3 ‘อุดมการช่าง’

 

เหตุเกิดที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ เวลาตีสอง คนส่วนใหญ่ที่เจอจะเจอหญิงสาวคนหนึ่งนุ่งชุดขาวเดินตัดผ่านหน้ารถ ใครตัดสินใจหักหลบ เกิดอุบัติเหตุทันที หรือใครตัดสินใจบุกชนเข้าไปเลย กลับกลายเป็นนักศึกษาผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่

 

บางคนเจอรถเมล์ไม่มีคนขับ ไม่มีกระเป๋า แล่นผ่านหน้าไปเฉยๆ แล่นผ่านไป หายไปกับความมืด

 

ต้อย เพื่อนผม เธอไม่เคยรู้เรื่องเล่านี้มาก่อนเลย แล้วเธอก็ไม่ได้สังหรณ์ใจ เธอนั่งรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย ขณะนั้นจะสองยามแล้ว เธอง่วงแล้ว เพิ่งแยกกับแฟนมา รอรถเมล์เขียวที่จะผ่านหน้าไป…

 

รถเมล์มาแล้ว เธอก้าวขึ้นรถ นั่งที่เบาะหลัง ควักสตางค์จะให้กระเป๋ารถ กระเป๋ารถไม่มี เธอตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อจะให้กับคนขับ คนขับไม่มี แต่รถแล่นได้ยังไง! รถแล่นได้ยังไง!! เฮ้ย ทำไมต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วย  

 

เธอตัดสินใจพุ่งออกนอกตัวรถพร้อมกรีดร้องอย่างโหยหวน อ๊าๆๆๆๆ ลงมาที่พื้น ปั้ก! ส้นสูงเธอหัก เธอหอบอยู่กับพื้น น้ำตาเธอไหลนอง และเห็นรถคันนั้นแล่นผ่านหน้าเธอไปอย่างช้าๆ แล่นผ่านไป ผ่านไป

 

เห็นคนขับกับกระเป๋าเข็นอยู่ข้างหลัง

 

 

อาจารย์เฉลิมชัย

อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นศิลปินที่น่าแซวขนาดไหน เราคงคุ้นเคยกันดี ซึ่งอุดมก็เลือกอาจารย์เฉลิมชัยมาอำตั้งแต่เดี่ยว 4 เมื่อปี 2542 แล้ว

 

คุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ขายอะไรก็ดูน่าสนใจ แม้กระทั่งถุงยางอนามัย (ยกแขนทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ ล้อท่าทางอาจารย์เฉลิมชัย)

 

แหมมมมมมม่… มันบางเจี๊ยบบบบบบ

สองจิตวิญญาณรวมกันเป็นหนึ่ง เข้าถึงอายตนะภายใน บางรุ่นเรืองแสงได้ราวกับมีปาฏิหาริย์

 

ผมเคยได้นั่งคุยกับแกตัวต่อตัว เพราะได้ไปดูงานศิลปะของแกที่ถนนรัชโยธิน การได้นั่งคุยกับผู้ชายคนนี้ ทำให้รู้ว่าคนนี้จะทำอะไรก็น่าสนใจไปหมด เขาเล่าเรื่องลูกคนเล็กโดนยุงตัวหนึ่งกัดให้ฟัง แต่ภาพที่คุณเห็นในหัวก็คืออีแร้งบินมาทั้งฝูง

 

แหม โน้ต ยุงมันบินมาพึ่บ! พึ่บพั่บ! พึ่บพั่บ! พึ่บพั่บ! แล้วเจาะที่แขนลูกผม ฉึก! อ๊ากกกก

 

ยังกะแขนจะทะลุออกมา ยุงตัวแค่นี้

 

 

แจ๋ว

ในเดี่ยวฯ 2 ตอนที่เล่าเรื่องของคู่ชาติบ้านเมืองไทย (ในช่วงปี 2539) หนึ่งในนั้นคือเรื่องคนใช้ในละครที่ต่างก็ชื่อแจ๋วกันหมดอย่างกับนัดกันมา ทำให้เกิดมุกนี้ขึ้น

 

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมในละครหรือหนังไทย คนใช้จะต้องชื่อแจ๋ว คนขับรถชื่อชม คนทำสวนชื่อชิด ไม่เคยมีเลยที่น้องเจนนิเฟอร์เป็นคนใช้

 

ก็เป็นเรื่องคนใช้ภายในบ้านหลังหนึ่งครับ นายผู้ชายเขากังวลว่าเมียจะมีชู้ เขาก็ทำการพิสูจน์ให้รู้ได้ว่าเมียมีชู้จริงหรือไม่ด้วยการลาภรรยาไปต่างประเทศ หลายวันถึงจะกลับ เขาก็เดินทางไป พอถึงดอนเมือง เขาโทรกลับมาเลย เช็กเลย

 

กริ๊งงงง!

แจ๋วเหรอ แจ๋วใช่ไหม

เอ่อ ใช่ค่ะ

แจ๋ว นี่ฉันเองนะ แกลองไปดูในห้องนอนคุณผู้หญิงสิว่ามีผู้ชายนอนอยู่หรือเปล่า

เอ่อ…ค่ะ เอ่อ…มีค่ะ

ต่อหน้าต่อตา (กลั้นอารมณ์โกรธเต็มที่) ฉันเพิ่งออกมาไม่เท่าไร…แจ๋ว แกฟังฉันนะ แกเดินไปที่โต๊ะหัวเตียงนะ แล้วแกเอาปืนออกมา

อู้ววว เอามาทำไมคะ

เอาออกมายิงไอ้สองคนนั้นนะ แกยิงเลย

อู้วววว มันเสียงดังน่ากลัว

เอาหมอนอุดไว้ แล้วแกยิงเข้าไปให้หมดแม็กเลย เข้าใจไหม

อู้วววว หนูกลัววววว…หนูทำไม่ได้

แกต้องทำได้ ฉันจะให้เงินแก แล้วก็ทองที่มีอยู่ทั้งหมด แกกลับไปอยู่บ้านนอกได้อย่างสบายเลย

แต่…แจ๋ว (น้ำเสียงลังเล)

แกทำไป เชื่อฉัน ฉันจะให้เงินแกทั้งหมดแน่

ก็ได้ค่ะ (น้ำเสียงสั่นๆ)

 

สักพักหนึ่งได้ยินเสียงปลายสายมา ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

ฮือๆๆๆ หนูยิงแล้วค่ะ เลือดสาดกระจายเต็มห้องเลยค่ะ อู๊ยยยยย น่ากลัวค่ะ

นี่…แกทำใจดีๆ นะ หายใจลึกๆ แกลากศพสองศพนี้ไปทิ้งที่สระว่ายน้ำ…ข้างหลัง รู้ไหม

ฮือๆๆๆ เหรอคะ ทิ้งที่สระว่ายน้ำ

เออ ถูกแล้ว ทิ้งที่สระว่ายน้ำ

เออ…เอ๊ะ! บ้านนี้ไม่มีสระว่ายน้ำค่ะ

อ้าวเหรอ! ขอโทษ โทรผิด!

 

 

พลิกมานำ

ตูดหมึก เป็นธีมหลักของเดี่ยวฯ ครั้งที่ 6 อุดมพูดถึงอุปนิสัยของคนที่เรียกรวมๆ ว่า ‘ตูดหมึก’ เช่น เอารูปโพลารอยด์มาแกว่งหลังถ่าย เพราะเชื่อว่าภาพจะออกมาเร็วขึ้น หรือคนที่ชอบกดปุ่มลิฟต์ซ้ำ ทั้งๆ ที่มันกดไว้อยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าลิฟต์จะมาเร็วขึ้น

 

หนึ่งมุกในเดี่ยวฯ ครั้งนี้ที่ตราตรึงใจมากคือ ตอนอุดมเล่าถึงร้านหมูกระทะเกาหลีที่มาเปิดทีหลัง แต่เหนือกว่าเสียอย่างนั้น

 

มีร้านหมูกระทะอยู่ร้านหนึ่ง เปิดขึ้นมาเป็นร้านแรก ใช้ชื่อร้าน ‘หมูกระทะเกาหลี’ เปิดขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ร้านที่สองซึ่งเปิดตามมาต้องพยายามพลิกสถานการณ์จากเป็นรองให้ขึ้นมานำ เลยตั้งชื่อร้านว่า ‘หมูกระทะเกาหลีเหนือ’ คือเหนือกว่าเห็นๆ แล้วอีกร้านจะดูเป็นเกาหลีใต้ทันที พลิกสถานการณ์ครับ

 

เหมือนร้าน ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ตอนแรกเปิดมานำ เจอร้านต่อมาชื่อ ‘หญิงสี่บะหมี่เกี๊ยว’ พอมาถึงร้านสุดท้ายเปิดมาเป็น ‘ชายสี่หญิงสองบะหมี่เกี๊ยว’ ชนะหมดทุกร้านเลย

 

คือฉันจะสวิงกิ้งเกี๊ยวหมี่ ใครจะทำไม

 

หรือไปเห็นร้านอาหารทะเลแถวๆ ประจวบฯ ครับ ร้านแรกชื่อว่า ‘ปูสด’ เจอร้านถัดไปชื่อ ‘ปูเป็น’ ประมาณว่าปูของเธอสดใช่ไหม แต่ของฉันสดกว่าเห็นๆ เพราะยังเป็นอยู่เลย

 

แล้วมีร้านถัดไปอีกชื่อ ‘ปูเป็นเป็น’ คือเป็นมากกว่าร้านที่แล้วอีก ส่วนร้านสุดท้ายนี่ชนะทุกร้านเลย ใช้ชื่อว่า ‘ปูเป็นปู’

 

ร้านอื่นปูเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ร้านเราปูเป็นปูแน่นอน นี่เป็นการพลิกสถานการณ์จากฝ่ายตามเป็นขึ้นมานำ

 

 

แอ๊บ’แต็ก

เดี่ยว 7 ตอนปี 2551 เป็นเดี่ยวแรกที่อุดมกลับมาทำหลังจากเบรกจากการทำเดี่ยวไปถึง 5 ปี หลังจบเดี่ยว 6 ตูดหมึก ซึ่งเดี่ยว 7 ก็ได้รับคำชมอย่างมากว่าสนุก มีพลัง โดยหนึ่งในมุกคลาสสิกจากเดี่ยว 7 นี้คือ ‘อาร์ตตัวแม่’ ที่หยอกๆ แซวๆ นิสัยของสาวๆ ได้อย่างน่ารักน่าคิดตามสไตล์อุดม

 

อย่ามีปากเสียงกับอาร์ตตัวแม่ มึงเถียงไม่ชนะหรอก หลักฐานมี เหตุผลมีครบ มึงเถียงไปเหอะ เถียงๆๆๆ สุดท้ายมันพลิกมาชนะเราเฉยเว้ย

 

เหมือนจะแพ้ แต่ไม่เคยแพ้

 

มีเคล็ดลับอะไรทำไมไม่บอกกันบ้าง ผมพยายามไปวิเคราะห์ครับ แพ้ตรงไหนวะ พอจะได้เค้าลางๆ ครับ มันจะเป็นประโยคแอ็บสแตรกต์ประมาณ 2-3 ประโยค เป็นประโยคลอยๆ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง พูดขึ้นมาแล้วมันเหมือนมาปักกลางหน้าผากเรา เราก็งงๆ ระหว่างนี้มันก็ค่อยๆ เฟดไป แล้วเราก็จะรู้สึก…แพ้

 

ยกตัวอย่าง สมมตินัดดูหนังกันวันเสาร์ วันนี้วันพุธ แต่รู้แล้วไปไม่ได้ โทรไปเลื่อนก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

 

“ตัวเอง เสาร์นี้ไปดูหนังด้วยไม่ได้นะ ขอเลื่อนไปเป็นเสาร์หน้าแล้วกันนะ ขอทำงานก่อนนะ เดี๋ยวเสาร์หน้าเบิลดู 2 เรื่องไปเลย”

 

“โอเค้”

 

โอ…เค้…โอเค้มาเนี่ย ไม่โอเคละ มึงเชื่อกูเหอะ หางเสียงสูงๆ มาแม่งไม่โอเคละ หลังจากนั้นมึงเตรียมตัวเดือดร้อนได้

 

“เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ ผู้กำกับคนนี้เราก็อยากไปทำงานกับเขา เขาชวนไปถ่ายมิวสิก เงินก็ได้ดี”

 

“ตาม…ใจ”

 

ท้ายคำว่าใจมันจะห้วนๆ นะครับ ถ้ามีคำว่าตามใจมาเนี่ยไม่ได้ตามใจเรา ตามใจมันแล้ว…เตรียมไปเลื่อนงานได้เลย อธิบายกันเข้าไป เหย งอนกันทำไม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หนังไม่ได้ดูเสาร์นี้ ดูเสาร์หน้าก็ได้ ไม่ใช่มันจะเน่าจะเปื่อย ออกจากโรงก็กลายเป็นแผ่น ซื้อมาดูกะหนุงกะหนิงที่บ้าน ทำโน่นทำนี่กินกัน มีความสุขจะตาย ทำไมต้องมาเถียงกันให้เสียเวลาด้วย

 

“เสียเวลา…อ๋อ ใช่ซี้ยยยย์!”

 

…อ๋ออะไรวะ ใช่ซี้อะไร ประโยคนี้มันนามธรรมสุดๆ ทำไมใช่ซี้เสียงสูงปรี๊ดแล้วพอวางหูแล้วมึงรู้สึกผิด ไปไม่เป็นเลย เจอ “อ๋อใช่ซี้” นี่ไปไม่เป็นทุกที

 

แล้วก็ชอบเหลือเกิน ชวนไปซื้อของเซลเนี่ย แล้วของก็เป็นของแบบผู้หญิง เราก็เลือกได้ประมาณหนึ่ง เราจะไปรู้อะไร พวกลูกไม้ ส้นสูงกี่นิ้ว เราไม่เคยใส่ จะไปรู้ได้ไงใส่สบายไม่สบาย เวลาชวนไปเราก็ไม่อยากไป ไปก็ไม่รู้จะช่วยอะไร

 

“ไปหน่อยไม่ได้เหรอ ช่วยถือของหน่อย”

“ไม่ใช่ รองเท้ามันก็ไม่ได้หนัก คู่สองคู่ งานก็มีเยอะแยะ”

“ไปช่วยถือของหน่อยน่า”

“อย่าเลย ไม่ค่อยอยากไป”

“ไม่ไปเหรอ…”

“ทำไมแต่ก่อน…”

 

ประโยคแอ๊บ’แต็ก นามธรรมไม่มีความหมาย แต่ทำไมมึงรู้สึกผิด มึงก็ต้องวางงานแล้วก็ตามมันไป ตามไปแบบไม่ค่อยอยากไป พอไปถึงหน้าร้านมันก็จะหันมาดูหน้ามึง

 

“นี่ ทำหน้าเป็นตูดอย่างนี้ คราวหลังไม่ต้องมาเลยนะ”

 

กูไม่ได้เพิ่งทำ กูทำมาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านแล้ว

 

 

เซราะกราว

ในเดี่ยว 9 อุดมเริ่มพูดเรื่องชีวิตวัยเด็กที่ต้องระหกระเหินจากบ้านเกิดที่ชลบุรี ไปอาศัยอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์กับแม่และน้องชายในสภาพยากจนเต็มพิกัด ความแปลกแยกจากสังคมของเด็กวัยไม่กี่ขวบอย่างอุดม ถูกนำมาเล่าอย่างสนุกในเดี่ยวฯ​ ครั้งนี้ และหนึ่งในวลีดังที่ถือกำเนิดจากเดี่ยวนี้คือ เซราะกราว

 

แม่ผมเอาผมไปฝากไว้ที่โรงเรียนวัด ยัดเข้าไปกลางห้องกลางเทอม ผมรู้สึกแปลกแยกมากๆ เพราะว่าผมมาผิดที่ ชุดนักเรียนผมยังกางเกงแดงอยู่เลย เขาใส่กางเกงกากีกัน ปักอักษรย่อ จ.ฮ. จิ้นฮั้ว โรงเรียนจีนที่เดิม เพื่อนเป็นลูกคนจีนเหมือนๆ กัน ตอนนี้มาเรียนที่สุรินทร์อะ (กระดกลิ้นตรง ร เรือ อย่างหนัก) เขมรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

คุณครูก็ให้แนะนำตัว “ผมอุดม แต้พานิช ครับ มาจากอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี” พอสิ้นเสียงแนะนำตัวปุ๊บ ก็มีเสียงเมาท์มอย เขมรเมาท์มอย

 

“อันหยัง…ชลบุรีแท้บ่ ตั๊วบ่เหลาๆ แท้ๆ บ่เหลา” เป็นซาวด์ใหม่ที่เราไม่เคยได้ยิน สุรินทร์นี่เขาจะมีแท้ๆ บ่ๆ ตั๊วๆ เหลาๆ อะไรอย่างนี้ มันตามมา แล้วก็มีอีซาวด์หนึ่ง “เพียะเมาะเปรี๊ยะมั้ยปร๊ะ” (ทำเสียงเลียนแบบภาษาเขมร) อะไรวะเนี่ย

 

ผมอยู่ในโรงเรียนนั้นอย่างไม่มีเพื่อนเลยอะ สื่อสารกับเขาไม่ได้ พอเรียนไปได้สักสองอาทิตย์ แจ้งเกิดในห้อง วิชาภาษาไทย เขาให้สอบคัดภาษาไทยในห้อง ครูนี่ก็ไม่มีจิตวิทยาเด็กเลย แม่งไม่ถามผมเลยว่าผมเรียนอะไรมา มีต้นทุนเท่าไร นึกจะสอบก็สอบเลย ซึ่งก็คือการพูด แล้วให้เราเขียนเอาเองอะ

 

“อะ​ สมุดมา ดินสอมานะ กา…(เว้นเสียงนาน)…วรรค…ตา…(เว้นเสียงนาน)…วรรค…ยา…วรรค” แล้วก็ว่ากันไป

 

กูยังอยู่ที่กาอยู่เลย คือ กอไก่ สระอาเนี่ย เขียนได้ แต่…(ทำเสียงกล้ำกลืนร้องไห้) แม่งจะรีบวรรคไปไหน…กูเขียนวรรคไม่เป็น แม่งจะส่งกันแล้ว ฮือ แง้ ทั้งห้องหยุดสอบ

 

“อ้าว เด็กใหม่เป็นอะไรคะเนี่ย”

“ผมเขียนวรรคไม่เป็นนนน ฮือออ”

“วรรคไม่ต้องเขียนลูก”

 

ดอกแรกแจ้งเกิด โดนเมาท์ทั้งห้อง “อันหยัง โง่แท้ โง่แท้เหลา” “อู๊ว เซราะกราวขนาดหนัก” เซราะกราวแปลว่าอะไรคุณรู้ไหม

 

แปลว่าบ้านนอก โดนเขมรด่าว่าบ้านนอก แม่งเป็นความบ้านนอกซ้ำซ้อนมากๆ มันเจ็บจนถึงผิวหนังชั้นในอะ แล้ว ร เรือ มันเยอะมาก “เซราะกราวขนาดหนัก” มันเซราะความมั่นใจกูร่วงกราวลงไปหมดเลย

 

ทีนี้ทั้งห้องแม่งไม่เรียกชื่อผมเลยอะ ผมคือเซราะกราว

 

 

แต่เล็กจนโตโอ้แม่เล่นหวย

ตั้งแต่เพลง Can’t take เวอร์ชันอุดมที่สะท้อนความแค้นที่ไม่สามารถจะเทกมันได้อีกแล้วของเหล่าเด็กเชียร์เบียร์ ไปถึงเพลงเมื่อวันที่ชูวิทย์เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน ที่เอาทำนองเพลง Live and Learn มาใส่อย่าแนบเนียน กระทั่งแรปล้อการเมืองในเดี่ยวครั้งหลังๆ ดูเหมือนอุดม แต้พานิช จะชอบแปลงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ จนต้องมีเพลงแปลงให้ได้ฮาแทบทุกเดี่ยวฯ แต่ที่ดังมากจนหลายคนเอาไปร้องได้แบบไม่ต้องเปิดเนื้อ ต้องยกให้เพลงค่าน้ำนม ที่แซวคุณนายทองสุข คุณแม่นักตำส้มตำมือวางอันดับหนึ่งที่เล่นหวยเป็นชีวิตจิตใจจนกลายเป็นเพลงนี้

 

“แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง แม่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล

แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเห ไปจนไกล

แต่เล็กจนโตโอ้แม่เล่นหวย เลขสวยๆ แม่แทงไม่เหลือไม่เผื่อแผ่ใคร

แม่…เราชอบซื้อชุดใหญ่ 20 ล้านล่อใจแม่บอกไว้นะ เป็นค่าน้ำนม

ควรคิดพินิจให้ดี เลขโต๊ดเต็งงวดนี้ จะมีเลขใดเหมาะสม

โอ้ว่าแม่ฝัน เห็น 5 เลยคว้ามาชม เลือกเลข 6 ประสมแล้วค่าน้ำนมลูกก็ถูกกิน

แต่ถึงอย่างไรแม่ไม่หยุดฝัน แม่ขยันจั่วไพ่แต่เช้าลากยาวจนเย็น

แม่…ทนกล้ำกลืนฝืนเล่น สูตรคือได้แล้วเผ่น ลูกโตเห็นๆ พระคุณแม่เอย

สูตรคือได้แล้วเผ่น ลูกโตเห็นๆ พระคุณแม่เอย

 

 

ต๋งหม่งเหมียวขื่อ

อีกหนึ่งมุกจากเดี่ยว 7 ที่คราวนี้พูดถึงเรื่องต่างๆ ที่เรียนไปตั้งแต่ตอนเด็กแล้วดันไม่ได้ใช้ แถมยังจำแม่นติดกะโหลกแบบลบไม่ออก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือบรรดาเพลงลูกเสือที่ไม่รู้จะจำไปทำไม แถมยังมีเพลงภาษาต่างด้าวหรือต่างดาวก็ไม่รู้อย่างเพลงนี้ ต๋งหม่งเหมียวขื่อ

 

สูญเสียไปกับการจำอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่จำเป็นในการดำรงชีวิต ซึ่งครูสอนมา แล้วแงะเอาออกไปทิ้งไม่ได้ เหมือนมันดีลีตทิ้งไปไม่ได้ ผมเรียนวิชาลูกเสือ ครูแม่งสอนให้จำอยู่แค่เพลงนี้ ต๋งหม่งเหมียวขื่อ

 

ให้ออกไปท่อง ให้ออกไปร้อง จดคัดลอก กลับไปบ้าน ครั้งหน้ามาสอบ เพลงต๋งหม่งเหมียวขื่อ แล้วมันก็ไม่เคยบอกว่าเพลงแปลว่าอะไร แล้วเป็นเพลงของชาติอะไร เอะอะ “มา! ออกมาสอบ อุดม แต้มพานิช”

 

“สวัสดีครับ อุดม แต้พานิช จะมาร้องเพลงต๋งหม่งเหมียวขื่อครับ…ต๋งหม่งเหมียวขื่อ ต๋งหม่งเหมียวขื่อ โอละลือ โอละลือ โอละเหมียวๆ อาแหล่คือ อา คั่นละเหมียวขื่อ โอละลือ โอละลือ ขอบคุณมากครับ”

 

แปลว่าอะไร…แล้วกูได้ใช้ประโยชน์ไหมเนี่ย ถ้ามึงบอกกูสักนิดว่าเป็นเพลงรัก กูจะได้เอาไปจีบหญิงหน่อย ต๋งหม่งเหมียวขื่อ โอละลื่อ~ (เต้นเกาหลีไปด้วย)

 

นี่กูไม่กล้าเอาไปร้องที่ไหนเลย ไม่รู้เป็นเพลงด่าแม่ใครหรือเปล่า

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising