Nielsen เปิดเผยภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในไตรมาสแรกของปี 2024 ว่า มีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นตัวเลข 1,663 ล้านบาท โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 27,721 ล้านบาท
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้หลายคนอาจมองว่าสื่อโทรทัศน์กำลังจะตาย แต่ข้อมูลของ Nielsen เผยถึงการที่ ‘สื่อโทรทัศน์’ ยังคงครองสัดส่วนการใช้งบโฆษณาสูงที่สุดถึง 50% คิดเป็นเงิน 13,763 ล้านบาท เติบโต 2% เลยทีเดียว
สิ่งนี้กำลังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักการตลาดที่มีต่อพลังของสื่อโทรทัศน์ที่ยังครองใจผู้บริโภคไทยได้เป็นอย่างดี และยังเป็นสื่อหลักที่แบรนด์ต่างๆ เลือกใช้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
จากการสำรวจล่าสุดพบว่า กว่า 90% ของครัวเรือนไทยมีโทรทัศน์ติดบ้าน โดยเกือบครึ่งหนึ่งหรือ 45% เป็นสมาร์ททีวีที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและรับชมคอนเทนต์แบบสตรีมมิงได้ สอดคล้องกับข้อมูลจาก Cross Platform Rating ที่ชี้ว่า ในไตรมาสแรกมีการรับชมคอนเทนต์โทรทัศน์ผ่านช่องทางสตรีมมิงถึง 45% ในขณะที่การดูผ่านโทรทัศน์แบบออฟไลน์อยู่ที่ 55% แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไทยยังนิยมเสพคอนเทนต์ผ่านจอโทรทัศน์อยู่ แต่ขยายไปสู่การรับชมผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ
ด้านคอนเทนต์ยอดนิยมในไตรมาสแรก พบว่ารายการที่ได้เรตติ้งสูงสุดคือ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกคู่ไทยพบเกาหลีใต้ที่ออกอากาศผ่านช่องไทยรัฐทีวี โดยมีคนดูทั้งผ่านโทรทัศน์และช่องทางสตรีมมิงจำนวนมาก จนได้เรตติ้ง 6.214 และมี Reach อยู่ที่ 8.8 ล้าน
ตามมาด้วยละครช่วงหัวค่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชมต่างจังหวัดที่ชื่นชอบละครที่มีเนื้อหาเบาสบาย ช่วยผ่อนคลายความเครียด อย่าง ‘แม่โขง’ ทางช่อง 7 ที่ติดอันดับ 4 ของไตรมาสด้วยเรตติ้ง 4.091 และมี Reach อยู่ที่ 4.9 ล้าน ตามด้วย รักท่วมทุ่ง ทางช่อง 3 ที่มีเรตติ้ง 4.090 และมี Reach สูงถึง 16.4 ล้านเลยทีเดียว
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาเทรนด์การรับชมรายการกีฬา พบว่าจะมีความนิยมสูงในช่วงฤดูกาลของกีฬานั้นๆ เช่น ต้นปีมักเป็นช่วงของฟุตบอล ส่วนกลางปีเป็นต้นไปจะเป็นฤดูกาลของวอลเลย์บอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีนัดที่ทีมชาติไทยลงแข่งขันด้วยก็มักจะมีเรตติ้งสูงเป็นพิเศษ
นี่เป็นโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ เข้ามาแย่งชิงพื้นที่โฆษณาได้ ซึ่งนัดที่มียอดผู้ชมสูงที่สุดในปีที่แล้วคือ การถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลหญิงโอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือก ในคู่ไทยเจอโคลอมเบีย มีคนดูสดกว่า 10 ล้านวิว และคาดว่าในปีนี้ที่มีการแข่งขันสำคัญๆ มากมาย น่าจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินโฆษณาให้สะพัดยิ่งขึ้นอีก
สำหรับมูลค่าการใช้เม็ดเงินโฆษณารวมทุกสื่อในไตรมาสแรก อุตสาหกรรมที่มีการใช้งบมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยมูลค่า 4,476 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและดูแลร่างกาย 3,544 ล้านบาท และที่น่าสนใจคือ กลุ่มการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 46% มีมูลค่ากว่า 652 ล้านบาท สะท้อนถึงการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง
นอกจากสื่อโทรทัศน์แล้ว สื่อนอกบ้าน (Out of Home) ก็มีการเติบโตสูงถึง 16% คิดเป็นเม็ดเงิน 4,085 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น สื่อนอกบ้านจึงกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งหนึ่ง ทว่าตัวเลขยังน้อยกว่าสื่อดิจิทัลที่กวาดเม็ดเงินไปกว่า 7,890 ล้านบาท
จากข้อมูลของ Nielsen ชี้ให้เห็นว่า แม้ภูมิทัศน์ของสื่อจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพฤติกรรมของผู้บริโภค แต่โทรทัศน์ก็ยังเป็นสื่อที่มีอิทธิพลและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่รูปแบบการรับชมได้ขยายไปสู่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น นักการตลาดจึงต้องวางกลยุทธ์อย่างรอบด้าน เลือกใช้สื่อที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด ปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมของคนดูที่เปลี่ยนไป เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
