นอกเหนือจากการเร่งสร้างเสถียรภาพ ศักยภาพการเติบโตให้กับธุรกิจ รวมทั้งทรานส์ฟอร์มให้องค์กรพร้อมเผชิญหน้าความเปลี่ยนแปลง ความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอ อีกหนึ่งประเด็นใหญ่ที่ ‘ttb’ หรือ ทีเอ็มบีธนชาต ให้ความสำคัญอย่างมากคือ การมุ่งเน้นการธนาคารเพื่อความยั่งยืนตามพันธกิจ B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน
สำหรับแนวคิด ESG หรือสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หลายคนคงคุ้นเคยอยู่แล้ว เพราะหลายๆ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจทั่วโลกต่างตระหนักถึงวิกฤตที่โลกกำลังเผชิญ ทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศแปรปรวน และความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงปรับแนวคิดในการทำธุรกิจหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
แต่ความพิเศษที่ ttb ใส่ตัวอักษร ‘B’ ที่เป็นตัวย่อหมายถึงธุรกิจ (Business) เพิ่มขึ้นมาอีกตัว เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการดำเนินพันธกิจหลักของพวกเขา สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจและมีความหมายอย่างไร?
เพราะ ‘ธุรกิจ’ และ ‘ความยั่งยืน’ คือเรื่องเดียวกันในเส้นทางการพา ttb สู่การเป็นการธนาคารเพื่อความยั่งยืน
B+ESG เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดของ ttb จากมุมมองที่เชื่อว่า ประเด็นด้านการดำเนินธุรกิจ (สร้างการเติบโต แข็งแรง) และความยั่งยืน คือเรื่องเดียวกัน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หรือไม่สามารถเน้นเพียงด้านใดด้านหนึ่ง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มุมมองด้านนี้ของ ttb แตกต่างจากองค์กรอื่นๆ กล่าวคือ ประกาศไปตั้งแต่ต้นเลยว่า พวกเขาโฟกัสไปที่การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต ความแข็งแรง และเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันก็ไม่ลดละในการมุ่งสร้างความยั่งยืน ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อย่างครอบคลุมทุกมิติ
ทั้งยังให้ความสำคัญกับ Stakeholders ทุกฝ่ายของธนาคารอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนสังคม ซึ่งหลักฐานหนึ่งที่สามารถชี้วัดได้ว่า ttb ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง คือการที่ทุกๆ มูฟเมนต์การดำเนินธุรกิจ หรือกลยุทธ์ที่ ttb ประกาศใช้จะต้องคำนึงถึงการสร้างการเติบโตให้กับทุกๆ Stakeholders เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด
อันที่จริงแล้วประเด็นนี้อาจจะคุ้นเคยมาแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2566 ทาง ttb ได้เคยออกมาประกาศวิสัยทัศน์ B+ESG แต่เหตุผลที่เราอยากหยิบประเด็นนี้มากล่าวถึงอีกสักครั้งก็เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า ttb เอาจริง ภายใต้ปรัชญา Make REAL Change พันธกิจหลักที่มี Proven Results ที่จับต้องได้ ตลอดจนถึง Roadmap ในการพาองค์กรของตัวเองมุ่งหน้าสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง
อาทิ การจัดอบรมหลักสูตรความรู้ LEAN for Sustainable Growth by ttb โดยนำหัวข้อ ESG มาตีฟูส่งต่อให้ความรู้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจของ ttb กว่า 1,700 บริษัท เพื่อให้ความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนโดยเฉพาะ
ในประเด็นการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) ttb ยังได้ชื่อว่าเป็นธนาคารแห่งแรกที่ออก ‘หุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล’ มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้นำเงินทุนทั้งหมดไปสนับสนุนลูกค้าธุรกิจผ่านสินเชื่อสีเขียวและสีฟ้า
รวมไปถึงการที่ ณ ครึ่งปี 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจสินเชื่อรถที่ทาง ttb ถือเป็นเจ้าตลาดลำดับต้นๆ ก็ได้สร้างมิติใหม่ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์อีกครั้ง โดยครั้งนี้ ttb ได้ปักธงเป็น ‘ผู้นำตลาดด้านการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ EV’ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายที่สำคัญ และส่งผลกระทบเชิงบวกกับประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ หลังปล่อยสินเชื่อ EV ให้ผู้ขับขี่ในไทยรวมมากกว่า 11,485 ล้านบาท
ขณะที่ในมุมการขับเคลื่อนความยั่งยืนเพื่อสังคม (Social Sustainability) นอกจากการช่วยเหลือโดยตรง ttb ยังได้ใช้ความเก่งและความพร้อมขององค์กร สร้างตัวเองเป็นทางเชื่อม (Bridge) ระหว่างกลุ่มลูกค้าหรือผู้บริจาค และองค์กร มูลนิธิต่างๆ ในการเข้าถึงกันได้อย่างสะดวก ไร้รอยต่อมากขึ้น บนโลกดิจิทัลผ่านโครงการปันบุญ
โดยข้อมูลที่น่าสนใจพบว่า ปันบุญ โดย ttb มีมูลนิธิที่อยู่บนแพลตฟอร์มมากกว่า 322 แห่ง และสามารถระดมเงินบริจาคผ่านโครงการนี้ไปมากกว่า 600 ล้านบาท
ส่วนในเชิงการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลและจริยธรรมการดำเนินธุรกิจ (Corporate Governance & Business Ethics) ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ ttb ให้ความใส่ใจ พิสูจน์จากการมีคณะกรรมการที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา มุมมองความเห็นต่อโครงสร้างเชิงนโยบายขององค์กร เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายอย่างทั่วถึง โดยผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการได้รับรางวัล ‘การเงินที่เป็นธรรม’ จาก Fair Finance Thailand หลังสามารถคว้าอันดับหนึ่งด้วยคะแนนสูงสุดในกลุ่มธนาคารไทยด้าน ESG ถึง 5 ปีซ้อน
ทั้งยังได้รับการจัดอันดับที่ดีที่สุดด้าน ESG ในกลุ่มสถาบันการเงินในประเทศไทย ส่วนในสเกลระดับเอเชีย (ไม่รวมจีนและญี่ปุ่น) ttb ถูกจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 2 สำหรับกลุ่ม (Mid/Small Cap) จาก Institutional Investor’s 2023 Asia (ex-Japan) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงความทุ่มเทและความจริงจังที่ธนาคารมุ่งเน้นมาตรการด้าน ESG อย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด
‘ของขวัญปีใหม่จากขยะพลาสติก’ Make REAL Change แบบไม่ใช่คำพูดสวยหรู แต่ต้องลงมือทำ สร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง!
อีกหนึ่งมิติความน่าสนใจของแนวทางการดำเนินงาน B+ESG ที่แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจของ ttb โดยตรง แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งชี้ได้ว่า ttb ใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงใจในทุกมิติ และทุกๆ สิ่งที่ได้ลงมือทำอย่างแท้จริง
โดยในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ttb ได้จัดกิจกรรมเดิน-วิ่งมินิมาราธอนการกุศล ‘ทีทีบี | ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023’ ขึ้น โดยสามารถระดมเงินบริจาคได้มากถึง 6,008,520 บาท (จากเงินบริจาคและค่าสมัครวิ่ง) ซึ่งเงินที่ได้ในส่วนนี้จะถูกนำไปมอบให้กับมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม, โครงการ Food for Good โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ และโครงการไฟ-ฟ้า โดยมูลนิธิทีทีบี ในสัดส่วนที่เท่ากัน
ซึ่งความพิเศษและความสำเร็จไม่ใช่แค่มูลค่าของตัวเงินสนับสนุนที่พวกเขาสามารถระดมทุนได้เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึง ‘เสื้อวิ่ง’ ที่ ttb ได้จัดทำและมอบให้กับนักวิ่งที่ลงสมัครในกิจกรรมพาร์ครัน
โดยเสื้อวิ่งดังกล่าวเป็นเสื้อวิ่งที่ผลิตขึ้นจากกระบวนการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเสื้อวิ่งแต่ละตัวจะผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (เทียบเท่าการรีไซเคิลขวดพลาสติก 15 ขวดต่อการผลิตเสื้อ 1 ตัว และตลอดระยะเวลา 11 ปี ในการจัดงานวิ่ง ttb ได้นำขวดพลาสติกมารีไซเคิลเป็นเสื้อวิ่งไปแล้วกว่า 1,200,000 ขวด!) และใช้นวัตกรรมการใส่สีที่ไม่ใช้ความร้อน ช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตมากถึง 25 ลิตรต่อตัว ในทางเดียวกัน นอกจากได้ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว เสื้อวิ่งพาร์ครันก็ไม่ลืมที่จะคำนึงถึง ‘ความสบาย’ ของผู้สวมใส่ด้วย เพราะมีการใช้เทคโนโลยีเนื้อผ้าแบบ Diamond Air Flow Technology มาเป็นคุณสมบัติเด่นของกระบวนการผลิต ที่ทำให้เนื้อผ้ามีความเบาสบาย ระบายความร้อนได้ดี จึงช่วยให้นักวิ่งทุกคนสามารถวิ่งออกกำลังกายได้อย่างสบายตัวที่สุดนั่นเอง
นอกจากเสื้อวิ่งที่ ttb นำหลักคิดด้าน B+ESG มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุก Stakeholders ได้เต็มสิบไม่มีหัก ttb ยังได้นำเรื่องเดียวกันนี้มาต่อยอดกับการสรรค์สร้างของขวัญพรีเมียมที่มอบให้กับลูกค้าในช่วงปีใหม่ 2567 อีกด้วย เพื่อลดปัญหาขยะ มลพิษจากขวดพลาสติก และส่งเสริมการต่อยอดมูลค่าให้กับขยะรีไซเคิล
จนเกิดมาเป็นกลุ่มของขวัญพรีเมียม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากขวดพลาสติกรีไซเคิล วัสดุ Upcycling หรือวัสดุอื่นๆ ที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่
- กระเป๋าช้อปปิ้งสำหรับใส่ในรถเข็น (ผลิตจากขวดพลาสติก 5 ขวด)
- ร่มขนาดพกพา (ผลิตจากขวดพลาสติก 8 ขวด)
- ร่มกอล์ฟ (ผลิตจากขวดพลาสติก 20 ขวด)
- กระเป๋าหนังรีไซเคิล (ผลิตจากเศษหนังที่ไม่ใช้แล้วมาขึ้นรูปใหม่)
- ผ้าห่ม (ผลิตจากขวดพลาสติก 89 ขวดต่อผืน ผลิตด้วยนาโนเทคโนโลยี ช่วยลดอาการภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่น)
- สมุดโน้ตรักษ์โลก ส่วนปกผลิตจากกระดาษรีไซเคิลที่ไม่ฟอกขาว ทำให้ได้สมุดสีน้ำตาลสวยแบบธรรมชาติ ด้านในเป็นกระดาษถนอมสายตาแบบมีเส้นที่ช่วยให้จดบันทึกได้ง่าย
- กระเป๋ากระดาษสังเคราะห์ น้ำหนักเบา ทนทานต่อการฉีกขาดและกันน้ำ ช่วยลดการใช้ถุงพลาสติก
- ร่มพับกันแดดหน้ารถยนต์ (ทำจากผ้าเคลือบไททาเนียมไดออกไซด์ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม) ป้องกันแสงยูวีได้ถึง 98% ช่วยลดอุณหภูมิในรถที่จอดกลางแดดได้มากถึง 60%
- กระบอกน้ำสเตนเลส สไตล์มินิมัล ผลิตจากสเตนเลส 304 (Food Grade) เก็บอุณหภูมิร้อนและเย็นได้ 10-12 ชั่วโมง มาพร้อมที่จับกันลื่นและสายสะพายหนัง พกพาง่าย ช่วยลดการใช้ขวดน้ำพลาสติก
พูดได้ว่าเป็นของขวัญพรีเมียมที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่ใช้ได้ทุกวัน ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์มินิมัลแบบคนยุคใหม่ และใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว จากการช่วยลดปัญหาขยะและมลพิษจากขวดพลาสติกไปได้ถึง 482,993 ขวด ผ่านการนำขวดพลาสติกมารีไซเคิลหรือเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งที่ไม่ได้ใช้ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิล และผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากความตั้งใจของ ttb ในการขับเคลื่อนมุมมอง B+ESG เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก ความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล ให้เกิดขึ้นโดยเท่าเทียมในทุกๆ มิติ
เรียกได้ว่า Make REAL Change แบบไม่ใช่แค่คำพูดหรือวิสัยทัศน์ที่ห่างไกล เพราะทั้งหมดที่ ttb ลงมือทำนั้น คือความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยเป็นการเปลี่ยน…เพื่อให้ชีวิตคุณ ชีวิตของทุกคน รวมถึงสิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างแท้จริง