รัฐบาลไต้หวันยืนยันว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน เตรียมเดินทางเยือนนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ โดยเป็นการแวะเยือนระหว่างทริปอเมริกากลาง ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังกัวเตมาลา และประเทศเบลีซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกำหนดการเยี่ยมเยือนประเทศพันธมิตรทางการทูต จากนั้นจะเดินทางกลับ โดยแวะเยือนรัฐแคลิฟอร์เนีย และกลับไต้หวัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความเป็นไปได้ที่ไช่จะได้พบกับ เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แต่ทางทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการแวะเยือนสหรัฐฯ ของไช่
ขณะที่เมื่อช่วงต้นเดือน แมคคาร์ธีได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าเขาจะพบกับไช่เมื่อเธออยู่ในสหรัฐฯ แต่ไม่ระบุวันที่ชัดเจน พร้อมทั้งไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เขาอาจเดินทางไปเยือนไต้หวันด้วยตัวเองเพื่อพบกับไช่
การพบปะระหว่างไช่และประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คาดว่าจะสร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่จีน ที่มองว่าไต้หวันนั้นเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน
โดยการเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี ระหว่างที่ยังดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้จีนไม่พอใจอย่างรุนแรงและทำการฝึกซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวัน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนได้รายงานเกี่ยวกับแผนการแวะเยือนสหรัฐฯ ของไช่ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมแสดงความ ‘กังวลอย่างจริงจัง’ เกี่ยวกับโอกาสที่ไช่จะพบปะกับแมคคาร์ธี และย้ำจุดยืนของปักกิ่งในการ ‘ต่อต้านการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการทั้งหมดระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน’
โดย หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวหาไช่ว่าพยายามที่จะส่งเสริมการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวันด้วยแผนการเยือนอเมริกากลางดังกล่าว
ทางด้านสำนักข่าว Reuters รายงานความเห็นจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ รายหนึ่ง ซึ่งให้ความเห็นว่าการเยือนสหรัฐฯ ของไช่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากประธานาธิบดีไต้หวันทุกคนต่างก็เคยเดินทางเยือนสหรัฐฯ และไช่เองก็ทำเช่นนั้นมาแล้ว 6 ครั้ง นับตั้งแต่รับตำแหน่งในปี 2016 ซึ่งเธอได้เข้าพบสมาชิกสภาคองเกรสระหว่างการเยือนทั้งหมด และตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์โควิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาจทำให้การเดินทางของเธอถูกจำกัด
ขณะที่เขาชี้ว่าการแวะเยือนสหรัฐฯ ของไช่นั้นสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ และมองว่าจีนไม่ควรต่อต้านการเยือนครั้งนี้ และใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อยกระดับความตึงเครียดและความเคลื่อนไหวในช่องแคบไต้หวัน
ภาพ: Walid Berrazeg/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
