ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ซึ่งเดิมร้าวฉานอยู่แล้วยิ่งตึงเครียดหนักขึ้นไปอีก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ออกมาทำสงครามน้ำลายข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
ทรัมป์ส่งข้อความในทวิตเตอร์ว่า อิหร่านจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ หากอิหร่านยังคงข่มขู่สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง หลังจากโรฮานีออกมาเตือนสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ว่า การทำสงครามกับอิหร่านจะเป็น ‘มารดาแห่งสงครามทั้งมวล’
ความบาดหมางระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านเริ่มต้นขึ้นหลังคณะบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่สามารถหยุดยั้งอิหร่านในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้จริง
ความตึงเครียดเพิ่มทวีขึ้น หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อกดดันให้อิหร่านกลับมากำหนดเงื่อนไขในข้อตกลงใหม่ ถึงแม้สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส จีน เยอรมนี และรัสเซีย จะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ ก็ตาม
ล่าสุด ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้เปรียบเทียบระบอบผู้นำของอิหร่านว่าเป็นมาเฟียมากกว่ารัฐบาล นอกจากนี้ยังเผยว่าเขาจะโน้มน้าวให้ประเทศต่างๆ ยุติการส่งออกน้ำมันให้กับอิหร่านภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อกดดันให้เตหะรานยอมรับเงื่อนไขของสหรัฐฯ
อ้างอิง: