×
SCB Omnibus Fund 2024

‘TRUE’ เปิดเทรดภายใต้บริษัทใหม่ด้วยมูลค่า 2.88 แสนล้านบาท ใหญ่สุดอันดับ 15 ของหุ้นไทย โบรกมองพื้นฐาน 10.4 บาท

03.03.2023
  • LOADING...

บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ภายใต้การควบรวมกันระหว่าง TRUE และ DTAC กลับมาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังจากกระบวนการควบรวมเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา 

 

โดยราคาหุ้นที่เปิดการซื้อขายอยู่ที่ 8.35 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.88 แสนล้านบาท นับเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ใหญ่สุดเป็นอันดับ 15 ของไทย อิงจากการจัดอันดับ ณ สิ้นวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทอันดับที่มีมูลค่าสูงสุดในเวลานี้คือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (DELTA) มีมูลค่า 1.25 ล้านล้านบาท 

 

ด้าน บล.บัวหลวง ประเมินว่า หากอิงจากราคาปิด ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ และอัตราส่วนการแลกหุ้นที่ 1 หุ้น DTAC เท่ากับ 6.13444 หุ้น TRUE จะได้มูลค่าหุ้นใหม่ที่ 2.92 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 8.51 บาท

 

ทั้งนี้ ประเมินราคาเป้าหมายของ TRUE หลังการควบรวมในกรณีฐานที่ 10.4 บาท ซึ่งรวมผลจากการ Synergy ที่เกิดจาก

 

  1. งบลงทุน (CAPEX) ที่ซ้ำซ้อนลดลง 15% 
  2. อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A / Sales) ลดลงจาก 18.2% มาเหลือ 17.1% คิดเป็นมูลค่าส่วนเพิ่มราว 0.94 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ หากประเมินในกรณีดีที่สุดจะช่วยเพิ่มมูลค่า 3.6 บาทต่อหุ้น 

 

หลังจากรวมเข้าด้วยกัน Market Share จะเป็นเบอร์ 1 ราว 54% และมีอัปไซด์จากการขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกัน (Cross-Sell) และเพิ่มยอดขาย (Up-Sell) ทั้งในแง่ของแพ็กเกจเพื่อเพิ่มบริการ และรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า (ARPU) ขึ้นอีก และการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั้งด้านไอทีและช็อปบริการที่ซ้ำซ้อน 

 

ทั้งนี้ หากสมมติว่ารวมกำไร DTAC เข้าตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม คาดว่าปี 2023 TRUE ยังจะมีผลขาดทุนสุทธิ 1.15 พันล้านบาท ก่อนพลิกเป็นกำไรราว 1.42 พันล้านบาท ในปี 2024 และเติบโตต่อเนื่องสู่ระดับ 6.19 พันล้านบาท ในปี 2033 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า 

 

ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า จากการจัดทำงบการเงินเสมือนของ TRUE ซึ่งระบุว่าบริษัทมีกำไร 1.1 หมื่นล้านบาท ในปี 2564 แต่ขาดทุน 5.9 พันล้านบาท ในปี 2565 อย่างไรก็ดี ผลประกอบการในปี 2565 เกิดจากการรวมงบการเงินของ TRUEE ซึ่งมีรายการพิเศษจำนวนมากมูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท เช่น การตัดจำหน่ายค่าความนิยม (Goodwill) ของ TrueVisions, การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อน และการปรับมูลค่าเงินลงทุน DIF และยังมีค่าใช้จ่ายจากการควบรวม 

 

ดังนั้น ผลขาดทุนในปี 2565 จึงไม่ใช่ผลประกอบการที่แท้จริงของบริษัทใหม่ หรือหุ้น TRUE ณ วันที่ 3 มีนาคม 2566 หากตัดรายการดังกล่าวออก TRUE ควรจะมีกำไรในปี 2565 

 

ทั้งนี้ บล.หยวนต้า ประเมินกำไรปกติของ TRUE ระหว่างปี 2566-2568 ที่ 3.5 พันล้านบาท 1.2 หมื่นล้านบาท และ 1.4 หมื่นล้านบาท ภายใต้สมมติฐาน Synergy ในปี 2566-2568 ที่ 2 พันล้านบาท 8.7 พันล้านบาท และ 1.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ พร้อมประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 10.4 บาท 

 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

 


 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising