×

เมื่อองค์กรต้องฝ่าวิกฤตโควิด-19 ทุกสิ่งเป็นจริงได้เมื่อเรามีกันและกัน สมดังปรัชญา ‘True Together’ ที่ถือทุกคนเป็นดั่ง ‘ครอบครัว’ [PR NEWS]

โดย THE STANDARD TEAM
02.05.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • การจัดการภาวะวิกฤตขององค์กรใหญ่ที่มีจำนวนพนักงานมากถึง 20,000 คน อย่างทรู สะท้อนให้เราเห็นถึงความพร้อมในการทรานส์ฟอร์มองค์กรให้พร้อมรับมือชีวิตยุคดิจิทัล รวมถึงสิ่งสำคัญคือ ปรัชญาและคุณค่าที่องค์กรยึดถืออย่างชัดเจน ที่ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในระดับไหน ล้วนต่างก็มีความสำคัญ เพราะทรูถือว่าทุกคนเป็นครอบครัว ดังนั้นสิ่งที่ทรูให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกจึงอยู่ที่ความปลอดภัยของพนักงานทุกคน ซึ่งเราจะเห็นได้จากมาตรการต่างๆ ที่ออกมา
  • ท่ามกลางสถานการณ์อันไม่ปกติ และมีหลายองค์กรที่จำเป็นต้องตัดสินใจกระทำอะไร ‘บางอย่าง’ ลงไป เพื่อเป็นการลดภาระ ดังเราได้เห็นคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องตกงานอย่างไม่ทันตั้งตัว ทรูกลับประกาศให้ความมั่นใจกับพนักงานทุกคนว่า “จะไม่มีนโยบายเลิกจ้างอันเนื่องมาจากผลกระทบของสถานการณ์นี้” ทั้งยังจะให้การดูแลพนักงานที่ติดโควิด-19 โดยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลที่จำเป็น ซึ่งอาจมีส่วนเกินจากสวัสดิการรักษาพยาบาลตามปกติ หรือการประกันคุ้มครองที่บริษัทได้ทำให้ไว้

 

ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เราทุกคนในสังคมต่างก็กำลังเผชิญร่วมกันอยู่ มีหลายชีวิตและหลายองค์กรที่ต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ทั้งในแง่ของวิถีชีวิต วิถีการทำงาน ไปจนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งบางธุรกิจหรือบางองค์กรนั้นเราได้เห็นว่า มีการรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างน่าทึ่ง เพราะมีการตอบสนองต่อสถานการณ์และการปรับตัวตามนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที ทั้งยังมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลดูแลสมาชิกภายในองค์กรได้อย่างน่าชื่นชม ซึ่งหนึ่งในจำนวนองค์กรที่ THE STANDARD รู้สึกชื่นชมมากจนอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังก็คือ กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำของเมืองไทยที่หลายคนต่างก็คุ้นเคยกันดีนั่นเอง

 

‘True Together… ทุกสิ่งเป็นจริงได้เมื่อเรามีกันและกัน’

ประโยคนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สโลแกนทางการตลาดเท่ๆ หากแต่เป็นปรัชญาองค์กรที่ทรูเชื่อมั่นและยึดถือมาโดยตลอด อันสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน ซึ่งภายใต้วิกฤตโควิด-19 อันแสนจะตึงเครียด คับขัน และเต็มไปด้วยความอ่อนไหว การจัดการองค์กรใหญ่ที่มีจำนวนพนักงานมากถึง 20,000 คน ในภาวะวิกฤตของทรู ยิ่งสะท้อนให้เราได้เห็นถึงปรัชญาและคุณค่าที่องค์กรยึดถือได้อย่างชัดเจน โดยไม่ว่าจะเป็นพนักงานในระดับไหนล้วนต่างก็มีความสำคัญ เพราะทรูถือว่าทุกคนเป็นครอบครัว ดังนั้น สิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกจึงอยู่ที่ความปลอดภัยของพนักงานทุกคน ซึ่งเราจะเห็นได้จากมาตรการต่างๆ ที่ออกมาในภาวะวิกฤต ดังนี้ต่อไปนี้  

 

มาตรการเพื่อความปลอดภัยของพนักงานทุกคน สิ่งที่ทรูทำภายใต้ภาวะวิกฤตโควิด-19

 

ระยะแรกของการระบาด  

  • ทรูรีบจัดตั้งทีม Crisis Management Team มอนิเตอร์สถานการณ์แบบ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม เพื่อคอยเฝ้าระวังและออกมาตรการป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อโรค ป้องกันความเสี่ยงให้กับพนักงานมา ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ลำดับต้นๆ ที่ขยับตัวและมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วมากๆ เช่น ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกขึ้นมาบนอาคารสำนักงาน ดูแลจัดระเบียบภายในอาคาร มีการวัดไข้ แจกแอลกอฮอล์เจล จัดระเบียบลิฟต์ รวมถึงการงดใช้เงินสดในร้านค้าภายในอาคาร แต่ให้ใช้ TrueMoney Wallet แทน ไปจนถึงมีคำสั่งห้ามพนักงานเดินทางไปหรือแวะผ่านประเทศที่เสี่ยงต่อการติดโควิด-19

 

  • ให้พนักงานหยุดพักและแยกตัวเอง (Self Quarantine) หากเป็นกลุ่มเสี่ยง พร้อมดูแล นำอาหารจาก บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ไปส่งให้ถึงที่บ้าน 

 

  • เพิ่มแผนประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคโควิด-19 พร้อมจัดทำหน้ากากอนามัยแบบผ้าเพื่อแจกจ่ายให้แก่พนักงานทุกคน เปิดสายด่วนและศูนย์ HR Care Center เพื่อให้คำปรึกษา ข้อแนะนำในการดูแลสุขภาพช่วงสถานการณ์แพร่ระบาด ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ซึ่งนับเป็นสิ่งที่แสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของพนักงานทุกคนได้ดีมากๆ เพราะไม่ใช่ว่าทุกองค์กรจะลงทุนทำอย่างนี้เพื่อพนักงานของตน 

 

เมื่อมีการรณรงค์ Social Distancing

  • ทรูรีบสนองต่อนโยบาย ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ ของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการประกาศปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เป็นการปฏิบัติงานจากที่บ้าน โดยไม่เห็นว่าเป็นปัญหาในการทำงานแต่อย่างใด ส่วนสำคัญก็เพราะทรูเป็นองค์กรชั้นนำที่ก้าวหน้า ซึ่งได้มีการ Digitize ล้ำไปมากแล้ว เพื่อการนี้ทรูจึงได้มอบแพ็กเกจเสริมฟรี True Work from Home 30 วัน ใช้ Mobile Data 900 GB ให้กับพนักงาน พร้อมขอความร่วมมือให้พนักงานงดการเดินทางออกนอกบ้านและงดรับแขกที่บ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งเปิดเครื่องมือสื่อสาร และหมั่นตรวจสอบเป็นระยะๆ เพื่อให้พนักงานและบริษัทฯ ติดต่อและรับทราบข่าวสารได้ตลอดเวลา ตลอดจนสามารถปฏิบัติงานได้เต็มประสิทธิภาพเสมือนปฏิบัติงานอยู่ที่สำนักงาน

 

  • ทรูมีแอปพลิเคชัน True Connect ด้วยความที่กลุ่มทรูให้ความสำคัญเรื่อง ดิจิทัล เทคโนโลยี มีการทรานส์ฟอร์ม ‘คน’ ในองค์กรให้พร้อมรับมือกับ Digital Disruption ในทุกๆ มิติมาโดยตลอด มีการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาใช้ในการบริหารงานอยู่แล้ว ทำให้พนักงานคุ้นเคยมากขึ้นกับการใช้แอปพลิเคชัน True Connect รองรับที่ปฏิบัติงานทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกคนอยู่ในสถานที่ปลอดภัยภายในบ้าน และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ 
  • แอปพลิเคชัน True VROOM ห้องประชุมเสมือนจริง ห้องประชุมเสมือนจริงจาก True VWORLD ช่วยให้การประชุมออนไลน์มีคุณภาพยิ่งขึ้น True VROOM พัฒนาโดยทรู และมีการใช้งานกันภายในมาก่อนแล้ว จึงถูกหยิบมาใช้ได้ในสถานการณ์ Work from Home เช่นนี้ ปัจจุบันเปิดให้คนภายนอกสามารถใช้งานได้ด้วย

 

  • ให้พนักงานยืมโน้ตบุ๊กเพื่อทำงานที่บ้าน โดยได้มีการอนุมัติงบเพิ่มเติมเพื่อซื้อโน้ตบุ๊กสนับสนุนการ Work from Home ให้กับพนักงาน รวมถึงสนับสนุนให้พนักงานใช้เวลาช่วงนี้ให้มีประโยชน์เพื่อพัฒนาตัวเอง โดยเปิดหลักสูตรเรียนออนไลน์ให้พนักงานลงทะเบียนเรียนอีกด้วย

 

  • ดูแลสนับสนุนความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่ยังคงต้องทำงานบริการ ฝ่ายที่ต้องติดต่อประสานงาน ให้บริการลูกค้าโดยตรง โดยหาทางช่วยลดความเสี่ยงให้มากที่สุด เช่น จัดหาอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย Face Shield และเจลล้างมือ ให้กับทีมที่ต้องไปพบลูกค้า ดูแลอำนวยความสะดวกแก่ทีมงานให้มากที่สุด เช่น จัดรถรับ-ส่ง จัดหาอาหารให้ผู้เข้ามาปฏิบัติงานในสำนักงานและสาขาที่ให้บริการได้รับประทานฟรี ทั้งยังให้กำลังใจ โดยการไปเยี่ยมพนักงานในพื้นที่ รวมถึงจัดทีมอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและครอบครัวอีกด้วย 

 

เมื่อการระบาดของโควิด-19 เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ทรูมีนโยบายมอบความมั่นใจและความช่วยเหลือให้กับพนักงาน ดังนี้

 

  • ทรูในฐานะบริษัทในเครือซีพีได้ประกาศให้ความมั่นใจกับพนักงานทุกคนว่า “จะไม่มีนโยบายเลิกจ้างอันเนื่องมาจากผลกระทบของสถานการณ์นี้” ทั้งยังจะให้การดูแลพนักงานที่ติดโควิด-19 โดยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลที่จำเป็น ซึ่งอาจมีส่วนเกินจากสวัสดิการรักษาพยาบาลตามปกติหรือการประกันคุ้มครองการติดโควิด-19 ที่บริษัทได้ทำให้เพิ่มเติมไว้ ซึ่งในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงเช่นนี้ เราต่างก็เห็นคนจำนวนไม่น้อยต้องตกงานโดยไม่ทันตั้งตัว และต่างก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกันจำนวนไม่น้อย การที่ได้รับคำมั่นสัญญาจากองค์กรเช่นนี้ ย่อมถือว่ามีความหมายและน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก เพราะทำให้พนักงานอุ่นใจและมั่นใจว่า พวกเขาจะได้รับการดูแลและไม่ถูกทอดทิ้ง

 

  • ไม่เพียงเท่านั้น ทรูยังจัดให้มีโครงการ COVID-19 Employee Assistant เพื่อบำบัดทุกข์ให้แก่พนักงาน โดยเปิดให้เข้าไปลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน True Connect เพื่อรับความช่วยเหลือจากบริษัท เช่น ในกรณีที่คู่สมรสหรือบุตรของพนักงานซึ่งมีเงินเดือนน้อยกว่า 40,000 บาท ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ ก็สามารถที่จะลงทะเบียนเพื่อรับ E-Coupon เพื่อใช้ซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ร้านในเครือซีพี รวมมูลค่า 1,500 บาท ต่อ 2 สัปดาห์ ผ่านทาง True Money Wallet (ลงทะเบียนได้ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ครอบครัว กรณีพนักงานและคู่สมรสทำงานในเครือซีพีทั้งคู่ สามารถรับสิทธิ์ได้เพียง 1 คน)

 

  • กรณีเป็นพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อนด้านค่าเล่าเรียนของบุตร ทรูยังเปิดให้พนักงานรับเงินกู้ยืมค่าเล่าเรียนบุตรโดยไม่คิดดอกเบี้ย และไม่จำกัดจำนวนบุตร วงเงินตามจริง ไม่เกิน 2 เท่าของเงินเดือน สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท โดยขยายเวลาผ่อนชำระให้ไม่เกิน 24 เดือน ซึ่งนโยบายต่างๆ ที่ออกมานั้นสามารถช่วยเหลือทั้งพนักงานและครอบครัวของพนักงานที่ได้รับความลำบากจากวิกฤตโควิด-19 ได้ไม่น้อย 

 

จากการจัดการต่างๆ ของทรูในช่วงวิกฤตโควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยึดถือ นั่นคือ ‘True Together… ทุกสิ่งเป็นจริงได้เมื่อเรามีกันและกัน’ ซึ่งตัวอย่างขององค์กรแบบนี้นับได้ว่าน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้เราเห็นว่า เขาแคร์และให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ในองค์กรจริงๆ ทั้งเป็นห่วงและปฏิบัติดูแลทั้งยามสุขและทุกข์ ราวกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และเราเชื่อว่า ยิ่งองค์กรทำเช่นนี้ด้วยความจริงใจ ก็จะยิ่งทำให้พนักงานมีกำลังใจ พร้อมที่จะอยู่และเป็นกำลังของบริษัททั้งในยามสุขและยามยาก และพร้อมจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไปได้อย่างแน่นอน 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising